เปลี่ยนน้ำในหม้อ ทำง่าย ไม่ร้อน !

หม้อน้ำ มีหน้าที่ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ หากชำรุดหรือระบายความร้อนได้ไม่ดี เครื่องยนต์จะ "ฮีท" เอาง่ายๆ "autoinfo.co.th" มีวิธีล้างหม้อน้ำ พร้อมเติมน้ำยาหล่อเย็นมาฝากกัน

ป้องกันสนิม ด้วยน้ำยาหล่อเย็น หลังจากล้างทำความสะอาดหม้อน้ำ แนะนำให้เติมน้ำยาหล่อเย็น เพราะมีคุณสมบัติที่ให้ความร้อนถ่ายเทออกไปได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันสนิม และตะกรันได้ดี นอกจากนี้สีของน้ำหล่อเย็น มักเป็นสีสะท้อนแสง เช่น สีเขียว หรือสีชมพู เมื่อหม้อน้ำรั่ว น้ำยาหล่อเย็นจะหยดลงบนพื้นทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้น รู้ทันทีว่าหม้อน้ำรั่ว การซื้อน้ำยาหล่อเย็นมาเติม ควรเปิดดูปริมาณส่วนผสมการเติมน้ำยาในคู่มือรถก่อน แล้วค่อยหาซื้อน้ำยาที่มีส่วนผสมตรงตามคู่มือ (อ่านฉลากข้างขวด) เพราะน้ำยาหล่อเย็นแต่ละยี่ห้อจะมีความเข้มข้นไม่เท่ากัน เช่น ต้องเติมน้ำยาผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:3 หรือบางยี่ห้อไม่ต้องผสมน้ำเลย ซึ่งหาซื้อได้ง่าย ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันบาท ทั้งนี้ ในกรณีรถใหม่ที่ต้องเข้าศูนย์บริการ หรืออยู่ในระยะเวลาการรับประกัน ต้องอ่านคู่มือรถให้ดีก่อน เพราะมักมีเงื่อนไขการรับประกันอยู่ ถ้าซื้อมาเติมเอง อาจผิดเงื่อนไข หรือถ้าเติมส่วนผสมไม่ตรงตามที่กำหนด เมื่อเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำมีปัญหา ศูนย์บริการอาจไม่รับผิดชอบ   สัญญาณเตือนหม้อน้ำรั่ว 1. มีรอยผุ หรือสนิมขึ้น 2. มีน้ำซึม หรือหยดออกมาจากหม้อน้ำ 3. สังเกตระดับน้ำในหม้อน้ำ ว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้าน้ำพร่องบ่อยๆ แสดงว่าหม้อน้ำ "รั่ว" 4. ขับรถไม่นานความร้อนขึ้น สังเกตได้จากเข็มวัดความร้อน และสัญลักษณ์ไฟโชว์ที่หน้าปัด เมื่อเจอสัญญาณเตือนเหล่านี้อย่าละเลย ควรเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ก่อนที่จะทะลุ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหาย มีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นบาท   อุปกรณ์ 1. น้ำยาเติมหม้อน้ำ 2. สายยาง 3. คีมหมุนนอทหางปลา   ขั้นตอนการล้างหม้อน้ำ และเติมน้ำหล่อเย็น 1. สตาร์ทเครื่อง ให้เครื่องยนต์อุ่น (สังเกตเข็มวัดความร้อน)   2. เปิดฝากระโปรง และเปิดฝาหม้อน้ำ (ระวังร้อน)   3. คลายนอทหางปลาด้านล่างออก   4. เติมน้ำลงในหม้อน้ำทันที (บริเวณที่เปิดฝาหม้อน้ำ) ให้ปริมาณน้ำที่เติมและไหลออกเหมาะสมกัน   5. รอจนกว่าน้ำที่ไหลออกมาใส ไม่มีตะกรัน   6. ดับเครื่อง ปล่อยให้น้ำไหลออกจากหม้อน้ำจนหมด ปิดนอทหางปลา   7. เติมน้ำยาหม้อน้ำและน้ำสะอาด (ตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ในคู่มือ)   8. สตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที (น้ำในหม้อน้ำจะลดลง) ให้เติมน้ำเปล่าเข้าไปจนเต็ม   9. เมื่อน้ำไม่ลดระดับ ให้ปิดฝาหม้อน้ำ ดับเครื่องยนต์ เป็นอันเสร็จ