ค่าย Volkswagen คาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศรัสเซีย หลังจากลงทุน ไปถึง 1.75 พันล้านยูโร ราว 70,000 ล้านบาท สร้างโรงงานประกอบรถยนต์ แต่ยอดการขายไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในรัสเซีย รวมทั้งค่าเงินรูเบิล ที่ผันผวนอย่างมากประเทศรัสเซีย เคยได้ชื่อว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ถูกแซงตำแหน่งโดยประเทศเยอรมนี ที่มียอดจดทะเบียนปีที่แล้ว 3.35 ล้านคัน ขณะที่ปัญหาของรัสเซียเรื่องการแยกตัวของยูเครน อันนำไปสู่การถูกแซงชันจากหลายประเทศ รวมทั้งผลกำไรจากการค้าน้ำมันในปีที่แล้ว ลดลงไปถึง 11 % ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ลดเหลือเพียง 1.43 ล้านคัน “แต่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เราสามารถทำได้เสมอตัว ด้วยความช่วยเหลือของค่าเงินรูเบิล” Arno Antlitz หัวหน้าฝ่ายบัญชี ให้สัมภาษณ์ในการแถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 และยังยอมรับว่า ค่าย Volkswagen โชคดีเพราะไม่สามารถควบคุมความเปลี่ยนแปลงของค่าเงินรูเบิลได้ ซึ่งเป็นผลทำให้ค่ายรถในยุโรป ต่างพากันขาดทุนจากการดำเนินงาน เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่ค่อนข้างผันผวน “สิ่งที่ Volkswagen ทำได้ในรัสเซีย คือ การลดต้นทุนในการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งแนะนำรถรุ่นใหม่ Tiguan ที่ช่วยปรับปรุงตำแหน่งของบแรนด์ให้ดีขึ้น” Antlitz กล่าว Volkswagen Group ลงทุนสร้างโรงงานประกอบ และผลิตชิ้นส่วนในประเทศรัสเซีย เพื่อให้ได้อัตราการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ครบตามกำหนด มูลค่า 1.75 พันล้านยูโร ราว 70,000 ล้านบาท ที่เมือง Kaluga ทางตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากมอสโคว์ 170 กม. ผลิตรถยนต์ Volkswagen, Audi และ Skoda รวมทั้งต่อสัญญากับกลุ่มอุตสาหกรรมรัสเซีย (GAZ) ในการประกอบ Volkswagen และ Skoda ในโรงงานที่เมือง Gorky โดยตั้งเป้าที่จะจำหน่ายรถในกลุ่มให้ได้กำไร 4 % ภายในปี 2563 แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศรัสเซีย ทำให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ของ Volkswagen Group น้อยกว่า 1.4 % ของยอดการจำหน่ายทั้งโลก ทั้งเนื่องมาจากความต้องการที่ลดลงของผู้บริโภค และการที่ราคาน้ำมันส่งออกตกต่ำอย่างมาก ประกอบกับค่าเงินรูเบิล ที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคหดหายไปนานนับปี “ค่าเงินรูเบิลกำลังทรงตัวและเริ่มกลับมาแข็งค่าอีกแล้ว หากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระหว่าง 65 -67 รูเบิล/1 ยูโร นั่นจะอยู่ในอัตราที่เหมาะสม” Marcus Osegowitsch ผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจในประเทศรัสเซีย กล่าวเมื่อเดือนมีนาคม สภาพของตลาดก็เริ่มกลับฟื้นจากจุดต่ำสุดแล้ว โดยยอดขายของ Volkswagen Group ในเดือนกรกฎาคม ขายได้ 46,866 คัน เพิ่มขึ้น 19 % เติบโตมากกว่าตลาดรวมที่โตเพียง 9 % และประเมินว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้ น่าจะเติบโตราว 4 %