ระเบียงรถใหม่
สุดยอดรถเล็กแต่หรูสายเลือดซามูไร
สุดยอดรถเล็กแต่หรูสายเลือดซามูไร
LEXUS IS 350 F SPORT
เมื่อคนรักรถ 10 คนมานั่งล้อมวงคุยกันเกี่ยวกับรถหรูระดับ "พรีเมียม" ของญี่ปุ่น เชื่อว่าจะมีไม่น้อยกว่า 9 คน ที่นึกถึงชื่อ เลกซัส (LEXUS) เป็นชื่อแรก เมื่อเทียบกับรถหรูของค่ายยุโรปซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อ และบางยี่ห้อผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานกว่า 1 ศตวรรษ ก็น่าจะกล่าวได้ว่า รถหรูสายพันธุ์ยุ่นยี่ห้อนี้เหมือนกับเด็กที่เพิ่งหัดวิ่ง เพราะเพิ่งก่อกำเนิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1989 นี่เอง แต่สิ่งที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ก็คือ เป็นเด็กหัดวิ่งที่กลับวิ่งได้เร็วกว่าผู้ใหญ่
ปัจจุบันรถติดยี่ห้อ เลกซัส (LEXUS) มีขายอยู่ทั่วโลก สินค้ารถยนต์ที่เสนอให้ลูกค้าเงินถุงเงินถังเลือกใช้ มีตั้งแต่รถเก๋งขนาดเล็กอย่างรถ เลกซัส ไอเอส-ซีรีส์ (LEXUS IS-SERIES) ไปจนถึงรถสปอร์ทอย่าง เลกซัส แอลเอฟเอ (LEXUS LFA) และรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่อย่าง เลกซัส แอลเอกซ์-ซีรีส์ (LEXUS LX-SERIES) ที่ยังไม่มีก็คือ รถตู้อเนกประสงค์
เฉพาะ เลกซัส ไอเอส-ซีรีส์ (LEXUS IS-SERIES) เป็นรถเก๋งสุดหรูขนาดเล็กกะทัดรัดที่เริ่มออกตลาดในทวีปอเมริกาเหนือเมื่อปี 1998 และอยู่ในสายการผลิตจนถึงปี 2005 เป็นรถผลิตในญี่ปุ่นที่ไม่มีขายในญี่ปุ่น แต่มีรถหน้าตาคล้ายๆ กัน ตัวถังขนาดเดียวกัน และใช้เครื่องยนต์กลไกชุดเดียวกัน จำหน่ายในญี่ปุ่นโดยติดป้ายชื่อ โตโยตา อัลเตซซา (TOYOTA ALTEZZA)
รถรุ่นที่ 2 ซึ่งปรากฏตัวตอนต้นปี 2005 สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่รถเล็กแต่หรูอนุกรมนี้ กล่าวคือ นอกจากตัวถัง 4 ประตูซีดาน รถรุ่นที่ 2 นี้ยังมีตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน ให้เลือกใช้ด้วย และก็เช่นเดียวกับรถรุ่นแรก รถรุ่นใหม่นี้ใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเกาะญี่ปุ่นเป็นที่ผลิต
ล่าสุด คือ ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่เอง ผู้คนจึงมีโอกาสได้ยลโฉมของรถ เลกซัส ไอเอส-ซีรีส์ รุ่นที่ 3 ซึ่งปรากฏตัวให้เห็นในลักษณะ "ครั้งแรกในโลก" พร้อมคำประกาศยืนยันว่า ฤดูร้อนของปีงูเล็กนี้ จะเริ่มออกโชว์รูมในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2014
ขณะนี้ เลกซัส ไอเอส-ซีรีส์ รุ่นที่ 3 ที่กล่าวข้างต้น ออกโชว์รูมไปเรียบร้อยแล้วตามที่ประกาศ มีรถให้ลูกค้าเลือกใช้นับได้เกือบ 10 โมเดล และ เลกซัส ไอเอส 350 เอฟ สปอร์ท (LEXUS IS 350 F SPORT) ที่กำลังอวดโฉมอยู่ขณะนี้ คือ หนึ่งในจำนวนนั้น
เป็นรถโมเดลหัวกะทิ ในตัวถังยาว 4.665 ม. กว้าง 1.810 ม. และสูง 1.430 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.28-0.29 และมีจุดเด่นสะดุดตาอยู่หลายจุด แต่จุดที่เรียกเสียงวิจารณ์ได้มากที่สุดทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ คือ แผงกระจังหน้าขนาดโตที่ค่ายนี้ออกแบบขึ้นใหม่ และตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า SPINDLE GRILLE หรือ "กระจังหน้ารูปหลอดด้าย"
มีทั้งแบบขับล้อหลังและแบบขับทุกล้อ ทั้ง 2 แบบติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 6 สูบ 3,456 ซีซี (รหัสเครื่องยนต์ 2GR-FSE) ให้กำลังสูงสุด 225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า (SAE) ที่ 6,400 รตน. ที่แตกต่างกัน คือ ระบบเกียร์ เพราะแบบขับล้อหลังซึ่งค่าตัวเริ่มต้นที่ 43,435 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 1,346,000 บาท ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที ทำควอร์เตอร์ไมล์ หรือประมาณ 400 ม. ใน 13.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 230 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.4 กม./ลิตร ส่วนรุ่นขับทุกล้อซึ่งค่าตัวเริ่มต้นที่ 45,230 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือประมาณ 1,402,000 บาท ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ใน 5.7 วินาที ควอร์เตอร์ไมล์ทำได้ใน 14.0 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 8.9 กม./ลิตร
ทั้งแบบขับล้อหลังและแบบขับทุกล้อ มีสีตัวถังให้เลือกเพียง 5 สี คือ สีขาว ULTRA WHITE สีเทา NEBULA GRAY PEARL สีเงิน SILVER LINING METALLIC สีดำ OBSIDIAN และสีแดง MATADOR RED MICA มีสีของวัสดุหุ้มเบาะให้เลือก 3 แบบ คือ สีดำขลิบสีเงิน สีเทาขลิบสีเงิน และสีแดงเข้มขลิบสีเงิน ส่วนกระทะขนาด 18 นิ้ว มีแบบเดียวอย่างที่เห็นในภาพ
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่