รู้ไว้ใช่ว่า
"เออ...คนขับรถแบบนี้ก็มี"
การทำงานของคนบ้านเรา ถือว่าสบายกว่าที่อื่นเยอะ แต่คงไม่ใช่เรื่องดี ชัดมาก คือ "ไม่ตรงต่อเวลาอู้งาน" ถือเป็นดีเอนเอก็ว่าได้ อย่าหาว่านินทา ข้าราชการสาหัสกว่าเพื่อน แม้มีการเข้มงวดปรับปรุงบ้างก็ตาม ถนัดนักเรื่อง "มาช้ากลับก่อน" แถมด้วยการ "พักบ่าย" ไม่ใช่พักเที่ยง ออกจากที่ทำงานไปกินข้าวเที่ยง ปล่อยให้ชาวบ้านมานั่งจนปวดตับ เลยบ่ายโมง เห็นได้ทั่วไป แถมหัวหน้าหรือนายๆ มีระดับนั่นแหละตัวเอ้ เอกชนยังดีกว่า เพราะตกงานง่าย แต่มีโอกาสก็ไม่เบา เก่งเรื่องแวบหรืออู้ ทำงานประณีตผิดปกติ หลบมุม หมกห้องน้ำ แอบไปดูดบุหรี่ แต่เหมือนกับข้าราชการอยู่อย่างหนึ่ง คือ ตอนเลิกงานงี้ไวจัด ดูๆ แล้วส่วนใหญ่เราทำงานแบบไม่เอนจอย ไม่รักงาน ทั้งๆ ที่เป็นอาชีพเพื่อปากท้องแท้ๆ ต่างจากคนประเทศอื่นๆ ที่เขาตั้งใจจริงกว่าเรา เชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ไปตราบนานเท่านาน
คดีนี้ศาลมีงานทำ เพราะพนักงานขับรถนายหนึ่งตรงต่อเวลา เออ เป็นงั้นไป
"นายมีเบรค" เป็นพนักงานขับรถ นายจ้าง คือ "บริษัท ทางไวกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)" แกคงได้ทำงานเพราะชื่อด้วยกระมัง คนมีเบรคเหมาะแก่หน้าที่ เอาเข้าจริงๆ นายจ้างปวดหัว เพราะแกติดเบรคเก่ง ติดอย่างไรเดี๋ยวรู้ จนโดนไล่ออก
นายมีเบรค ไม่ใช่ขี้ไก่ ไปศาลแรงงานกลาง เพื่อฟ้อง บริษัท ทางไวกรุงเทพ ฯ อ้างว่าโดนเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม บังคับให้บริษัทรับกลับเข้าทำงานอย่างเดิม ไม่งั้นต้องจ่ายค่าเสียหาย 1 ล้าน 3 แสนบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย คือ บริษัท ทางไวกรุงเทพ ฯ สู้คดีสิครับ เรียกเยอะขนาดนั้น โต้กลับไปว่า นายคนนี้ขับรถประจำแผนกจัดเก็บค่าผ่านทางมีหน้าที่รับส่งเอกสารและวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งรับส่งพนักงานต่างๆ ไปทำหน้าที่ ทำงานตามช่วงเวลาที่กำหนดในตารางการปฏิบัติงาน แล้วเจ้านี่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นอุปสรรคต่อผู้บังคับบัญชา ไม่ให้ความร่วมมือการทำงาน เช่น ตอนจำเป็นเร่งด่วนพนักงานต้องเดินทางไปสถานที่อื่น แต่เป็นช่วงพักของเขา หมอนี่จะปฏิเสธไม่ขับรถให้ พอถึงเวลาเลิกงานตรงเป๊ะ ก็กลับทันทีไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่อยู่รอส่งกะ เป็นคนเดียวที่สั่นหัวไม่ทำงานวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทั้งๆ ที่ลักษณะงานต้องให้บริการตลอดเวลา คนขับรถจะหยุดหมดไม่ได้ ต้องสลับกัน มักไม่ยอมทำงานล่วงเวลา หรือทำงานกะแทนคนอื่นที่เขาลาป่วย ลาฉุกเฉิน กิริยาก้าวร้าว ไม่เคารพผู้บังคับบัญชา อีกทั้งยังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ใช้เท้าถีบกล่องเอกสารจากชั้น 2 ให้เลื่อนไหลลงตามขั้นบันได อ้างว่ายกไม่ไหว โยนใบรับค่าผ่านทางที่อยู่ในหีบห่อออกทางหน้าต่างแล้วขนขึ้นรถ อ้างว่าประหยัดพลังงาน เจ้าอารมณ์ขับรถเร็วจนคนนั่งหวาดกลัว เคยละทิ้งงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร บริษัทออกหนังสือตักเตือนแล้ว เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม บริษัทจ่ายค่าชดเชยค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าอื่นๆ ให้อีก แล้วแกสละสิทธิ์ เรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทด้วย จึงขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางฟังพยานที่ บริษัท ทางไวกรุงเทพ ฯ นำเข้าสืบ ได้ความจริงดังที่อ้าง แล้วสั่นหัวดิกๆ เออ คนขับรถแบบนี้ก็มีด้วย จึงตัดสินยกฟ้อง
โจทก์ คือ นายมีเบรค เดินหน้าชน ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา จะเอาชนะให้ได้
ศาลฎีกาคว้าคดีนี้มาส่องดูด้วยความเมื่อยล้า เสร็จแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะมีคดีรอคิวอยู่ไม่น้อย รีบตัดสินคดีออกมา งานนี้ นายมีเบรค มีพฤติกรรมอย่างที่ บริษัท ทางไวกรุงเทพ ฯ ยกขึ้นมายัน แสดงว่าไม่ธรรมดา และละทิ้งงานอีกด้วย แต่ทาง บริษัท ทางไวกรุงเทพ ฯ ก็ใจดี จ่ายอะไรต่อมิอะไรให้ครบ
ประเด็นที่ตั้งแง่ไว้ว่า บริษัทเลิกจ้างโดยไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง บริษัทจะยกข้อที่ว่า นายมีเบรค บกพร่องต่อหน้าที่ต่างๆ นานา มาปฏิเสธไม่จ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไหม ศาลฎีกามองว่า ถ้านายจ้างประสงค์จะยกเหตุ (ตามมาตรา 119) ขึ้นมายันเพื่อไม่จ่ายค่าชดเชย ต้องระบุเหตุในหนังสือบอกเลิกสัญญา ไม่งั้นอ้างภายหลังไม่ได้นั่นหมายถึง กรณีเงินค่าชดเชยเท่านั้น ส่วนกรณีที่นายจ้างหรือบริษัทไม่ได้ระบุเหตุการเลิกสัญญาจ้าง แล้วมายกขึ้นในชั้นยื่นคำให้การ เพื่อจะไม่จ่ายค่าเสียหาย เป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะมันคนละอย่าง
ส่วนข้อที่ว่าเลิกจ้างเป็นธรรมหรือเปล่านั้น ถ้าไม่เป็นธรรม หมายถึง เลิกจ้างโดยไม่มีสาเหตุ หรือมีสาเหตุแต่ยังไม่ถึงขนาด หรือสาเหตุไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับหรือสัญญาจ้าง หรือลูกจ้างไม่มีความผิด�หรือเลิกจ้างโดยมีเจตนากลั่นแกล้ง เป็นต้น งานนี้ นายมีเบรค โดนเลิกจ้าง เพราะไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ไม่ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมการขับรถ ขับเร็วน่าหวาดเสียว ไม่ควบคุมอารมณ์ ละทิ้งงานไปวันหนึ่งเต็มๆ ศาลฎีกาแทงว่า พนักงานขับรถมีหน้าที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินผู้อื่น ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง ให้ความร่วมมือในการทำงาน เพื่อให้บริษัทบริหารจัดการได้ บริษัทเคยตักเตือน แต่ นายมีเบรค ทิ้งงาน จึงมีเหตุสมควรเพียงพอที่จะเลิกจ้าง การเลิกจ้างจึงมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรอกนะ
ศาลฎีกายอมเมื่อยแข้งเมื่อยขาตอนแก่อีกหน พิพากษายืน ยกฟ้องของ นายมีเบรค ทิ้งไปตามที่ศาลล่างว่าไว้
ดูๆ แล้ว นายมีเบรค คงมีเส้นเอ็นพอสมควร จึงเข้าทำงานบริษัทใหญ่โตได้ และทำตัวแบบนั้น จนบริษัททนไม่ไหว แต่ก็จ่ายเงินค่าชดเชยค่าตกใจให้ด้วย ทั้งๆ ที่ไม่จ่ายก็ได้ นายมีเบรค ต้องไปทำงานอิสระ เช่น ขายเต้าฮวย เต้าฮวยนี่เกี่ยวทุกงาน แปลกดี หรือไม่ก็สมัครเป็นนักการเมือง ประชุมก็ได้ ไม่ประชุมก็ได้เงินครบ ไม่มีการไล่ออก ส่วนนักการเมืองประเทศไหนที่เป็นแบบนั้น จ้างให้ผมก็ไม่บอก ไปสืบหาเอาเอง...
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2555
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า