รู้ไว้ใช่ว่า
"ไม่รักชาติ"
ความรักชาติบ้านเมือง การหวงแหนแผ่นดินของพวกเรา ค่อนข้างกระพร่องกระแพร่งมาแต่ไหนแต่ไร ข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ คือ การ "ขนต่างด้าว" เข้ามาแย่งที่อยู่ที่กิน แถมยังแผ่ลูกแผ่หลาน แล้วยึดครองประเทศในที่สุด ที่บอกว่ายึดนั้นจริงอยู่ ไม่ได้ยึดไปทั้งหมด แต่เมื่อต่างด้าวเข้ามาแล้วกินอยู่หลับนอน นั่นหมายถึงการยึดแผ่นดินตามส่วนที่เขาเข้ามาอยู่ ยิ่งต่างด้าวเข้ามามากเท่าไร เราก็สูญเสียผืนแผ่นดินมากเท่านั้น ขอให้คิดดู มันน่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย
กรณีนายทุนต่างด้าว ไปดูได้เลยที่ พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย หรือที่อื่นๆ เข้าถือครองและทำประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสัน กลายเป็นเจ้าของรีสอร์ท โรงแรม ร้านอาหาร หน้าตาเฉย แต่คนบ้านเราไม่รู้สึกเดือดร้อน ใจกว้างซะเหลือเกิน รู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว
เอางี้ มาดูคดีที่ทางการของเราฟ้องร้องเอาผิด ผู้ที่ขนต่างด้าวเข้ามาเป็นแรงงานนับร้อยคน แต่ศาลต้องยกฟ้อง เป็นไปได้ยังไง ต้องตามไปดู
งานนี้ตำรวจที่พบเห็นรถบรรทุกสิบล้อ ขนต่างด้าวชาวลาว แออัดอยู่บนรถตั้ง 115 ชีวิต แล้วอึ้ง เมื่อหายอึ้งจึงลงมือจับกุม คุมตัวทั้งคนต่างด้าว และคนไทย ซึ่งเป็นคนขับและเจ้าของรถสิบล้อ กับคนที่นั่งมาในรถข้างคนขับ รวมแล้ว 3 คน นำมาดำเนินคดีต่างหาก เป็นคดีนี้
ในส่วนของ "นายรักชาติ" คนขับและเจ้าของรถบรรทุก กับ "นายคุ้มบ้าน" และ "นายอุ้มเมือง" ที่นั่งมาด้วย ชื่อดีๆ ทั้งนั้น อัยการฟ้องไปที่ศาล ให้เอาผิด ข้อหาร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 63 เพียงข้อหาเดียว
จำเลยทั้งหมดพากันจ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธ ขอให้ศาลยกฟ้อง ทั้งๆ ที่รับสารภาพในชั้นจับกุม
ศาลชั้นต้นนั่งฟังพยานของคู่กรณีในห้องพิจารณา เพ่งดูเอกสารหลักฐาน พยายามทำใจให้ว่าง เพื่อลดความเบื่อหน่ายจากงานที่จำเจ แล้วตัดสินจำคุก นายรักชาติ กับ นายอุ้มเมือง ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 1 ปี ยกฟ้อง นายคุ้มบ้าน จำเลยที่ 2 เพราะดูแล้ว ขออาศัยรถมาเท่านั้น สั่งริบรถยนต์บรรทุกของกลางอีกด้วย
อัยการพอใจกับคำตัดสินของศาล ที่ลงโทษบ้างปล่อยบ้าง ไม่อุทธรณ์
นายรักชาติ กับนายอุ้มเมือง ไม่อยากติดตะราง พากันยื่นอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เพ่งดูเฉพาะสำนวนในห้องทำงาน ซึ่งพอจะเหยียดแข้งเหยียดขา จิบน้ำร้อนน้ำเย็นได้บ้าง แล้วพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้อง นายรักชาติ เจ้าของรถบรรทุก และพวกของ นายรักชาติ คือ นายอุ้มเมือง เสียด้วย เท่ากับยกฟ้องจำเลยทั้งหมดนั่นเอง
ถึงคราวอัยการต้องฟ้อนเงี้ยว ออกแรงยื่นฎีกา ขอให้ลงโทษ นายรักชาติ และนายอุ้มเมือง ตามที่ศาลชั้นต้นตัดสิน
ศาลฎีกาค่อยๆ หยิบสำนวนคดีนี้ที่มาถึงคิว ส่องดูด้วยความละเหี่ยเพลียแรง เพราะคดีในบ้านเราขึ้นศาลฎีกาเยอะจัด จนทำแทบไม่ไหว ต่อจากนั้นจึงชี้ขาดออกมาว่า
เรื่องของเรื่องอัยการโจทก์เขาฟ้องจำเลยในคดีนี้ ตาม พรบ. คนเข้าเมือง ฯ มาตรา63 เพียงข้อหาเดียว เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์มีหน้านำสืบว่า จำเลยร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยใช้รถบรรทุกสิบล้อบรรทุกคนต่างด้าว จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาในราชอาณาจักร ด้านอำเภอ... จังหวัดหนองคาย ไม่มีหนังสือหรือเอกสารใช้แทนหนังสืออันถูกต้อง ไม่ผ่านเข้ามาทางช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่กำหนด จะเอาแค่คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ดอก จะบอกให้
ตานี้จากการนำสืบของโจทก์ ผสมกับจำเลย คือ นายรักชาติ และนายอุ้มเมือง ซึ่งต่อสู้ว่า เขารับคนต่างด้าวมาจากอำเภอ... โดยคนที่อำเภอนั้นติดต่อหาคนงานให้เมียของ นายรักชาติ เมียของ นายรักชาติ ก็ยืนยันต่อศาลตามนั้น อีแบบนี้แม้ได้ความชัดว่า นายรักชาติ กับนายอุ้มเมือง รู้อยู่เต็มพุงว่า คนงานที่บรรทุกมาเป็นคนต่างด้าว แต่เมื่อการนำสืบไม่ปรากฏว่า นำหรือพาคนต่างด้าวตั้งร้อยกว่าชีวิต เข้ามาในราชอาณาจักร จึงลงโทษ นายรักชาติ และนายอุ้มเมือง ตามข้อหาตามคำฟ้องไม่ได้
ศาลฎีกาเลยยอมเมื่อยอีกหน พิพากษายืน ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง ตามจำเลยอีกคนที่ยกฟ้องไปแล้วแต่แรกในศาลชั้นต้น ดังที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ จำเลยได้เมาได้ฉลองยกใหญ่แน่ๆ ศาลฎีกาเดาว่ายังงั้นนะ ข้อหลังนี้ผมว่าเอง
คือยังงี้ครับ ถ้าข้อเท็จจริงส่อไปในทางที่ว่า นายรักชาติ รับคนงานต่างด้าว ซึ่งข้ามแดนเข้ามาในบ้านเราเรียบร้อยแล้ว จะเข้ามาตอนไหนยังไงก็แล้วแต่ การฟ้องเอาผิดข้อหาร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พรบ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 63 จึงแป๊ก ลงโทษจำเลยไม่ได้
แต่ถ้าฟ้องข้อหาอื่นมาด้วย เช่น กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าว ให้เข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
งานนี้อาจเอาผิดจำเลยได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ปรากฏ ไม่ว่าการฟ้องร้องหรือการตัดสินลงโทษ เชื่อว่าศาลอัยการท่านทำงานตามหน้าที่อยู่แล้ว
อ้อ คนต่างด้าวร้อยกว่าคนคงโดนข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตไปตามธรรมเนียม ศาลลงโทษได้แน่ๆ ไม่รอดเหมือนจำเลยในคดีนี้หรอกครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3451/2554
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า