ระหว่างเพื่อน
พุทธศาสนากับประเทศไทย
เพียงด้วยพระพุทธพจน์ที่ว่า จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่อเกื้อการุณย์แก่ชาวโลกนั้นเถิด พระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติต่างๆ ของโลกนี้จำนวนไม่น้อย
พระพุทธเจ้าทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระศาสนาของพระองค์ การเผยแพร่ธรรมยาวนานถึง 45 พรรษา ผู้คนหันมาเลื่อมใสศรัทธาออกบวชมีตั้งแต่ พระราชา, เจ้าชาย, พราหมณ์ และนักบวชลัทธิอื่น, พ่อค้าวาณิช จนถึงโจรร้าย เช่น องคุลีมาล
พระเจ้าอชาตศัตรู พระราชาแห่งแคว้นมคธยุคปลายและหลังพุทธกาล หลังจากกระทำปิตุฆาตแก่พระเจ้าพิมพิสาร พระบิดาของพระองค์ ทรงสำนึกถึง กรรม อันยิ่งใหญ่ ได้ทรงบำเพ็ญกุศลต่างๆ เพื่อลบล้างกรรม และทรงปฏิญาณตนเป็นอุบาสกบริษัท ตั้งมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์
แต่ด้วยกรรมอันใหญ่หลวงที่เกิดจากการกระทำปิตุฆาต พระเจ้าอชาตศัตรูไม่อาจบรรลุธรรมขั้นสูง สิ่งที่พระองค์ทำได้ คือ การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาจนตลอดพระชนม์ชีพ
45 ปี พระพุทธเจ้าได้เสด็จจาริกบริเวณพื้นที่ราบลุ่มของแม่น้ำคงคา ทรงประกาศคำสอนของพระองค์ สอนด้วยความเรียบง่ายว่า ชีวิตมนุษย์เป็นทุกข์เนื่องจากกิเลสตัณหา ชีวิตมนุษย์มี กรรม เป็นสิ่งครอบงำกำหนด
พระพุทธศาสนา จึงสอนให้มนุษย์ประพฤติปฏิบัติหลัก 3 ประการแห่ง มัชฌิมาปฏิปทา คือ
ไม่ทำความชั่ว/ทำแต่ความดี และทำใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์
หลังพุทธปรินิพพาน 100 ปี แคว้นมคธครองความเป็นใหญ่ในชมพูทวีป แนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นในหมู่ภิกษุ จนในที่สุดอีก 100 ปีต่อมา พระพุทธศาสนาก็แตกออกเป็น 2 นิกายใหญ่ คือ เถรวาท และ มหายาน
ตามมาด้วยยุคแห่งความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งกรุงอุชเชนี ในแคว้นอวันตี
พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงนับถือพระพุทธศาสนา ทรงสร้างอนุสรณ์สถานพร้อมเสาศิลาจารึกไว้ ณ ที่ต่างๆ เพื่อประกาศหลักธรรมคำสอนไปสู่ประชาชน และยังทรงสร้างวิหาร หรือวัดวาอารามทั่วดินแดนของพระองค์กว่า 84,000 แห่ง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและสถานพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ชีวิตประชาชนเพื่อความอยู่ดีมีสันติสุข
พระเจ้าอโศกมหาราช แม้จะทรงให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาด้วยการทำนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ก็ทรงได้รับการยกย่องว่ามิได้ทรงต่อต้านศาสนาอื่น
ด้วยพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์นี้ พระพุทธศาสนาเดินทางมาถึงประเทศไทย
หลังการสังคายนาครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงจัดส่งพระศาสนทูตออกไปประกาศพระศาสนาในต่างแดน นับแต่กาลครั้งนั้นเอง ศาสนาพุทธจากชมพูทวีปก็เริ่มเผยแผ่ออกสู่โลกกว้าง
เส้นทางซึ่งพระพุทธศาสนาเดินทางมาถึงประเทศไทย มาทางน้ำ และขึ้นบกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นพระพุทธศาสนาที่เติบโตมาจากดินแดนลังกา
ประเทศไทยในปัจจุบัน แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งบ้านเมืองและรัฐของผู้คน ในชาติพันธุ์ต่างกัน
เราเคยมี ทวารวดี และมี ละโว้ เป็นรัฐโบราณ ซึ่งมีการสร้างสรรอารยธรรมภายใน มีทั้งการรับและแลกเปลี่ยนอารยธรรมจากโลกภายนอก รวมทั้งการรับเอาทั้งพระพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และการค้าขายกับพ่อค้าต่างแดน
ทวารวดี เป็นคำในภาษาสันสกฤต หมายถึงนครแห่งพระกฤษณะ ศาสนาของชาวทวารวดีแห่งยุคนั้น ผสมผสานระหว่าง พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท และศาสนาพราหมณ์ หรือ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดูนั้น จะแพร่หลายอยู่ในกลุ่มชนชั้นปกครอง ในระยะต่อมาเมื่ออาณาจักรขอมเรืองอำนาจ รัฐทวารวดีก็ตกอยู่ในการครอบงำของขอม เรียบร้อยทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และอารยธรรม
แคว้นสุโขทัยและล้านนา ก่อตัวขึ้นจากความผันผวนทางการเมืองและสังคม บนภาคพื้นทวีปของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 19
ครั้งนั้น อาณาจักรน้อยใหญ่ทั้งหลายบรรลุความเสื่อม ทั้งอาณาจักรกัมพูชาโบราณของชาวเขมรในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง อาณาจักรพุกามของชาวพม่าในตอนกลางลุ่มแม่น้ำอิระวดี อาณาจักรของชาวมอญทางตอนใต้ของพม่าปัจจุบัน และอาณาจักรหริภุญไชยของชาวมอญในลุ่มแม่น้ำปิง
เปิดช่องให้คนไทยกลุ่มต่างๆ ดังกล่าว เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ตามพื้นที่ส่วนต่างๆ ของประเทศไทยในปัจจุบัน รวมตัวกันตั้งเป็นประชาคมรัฐในบริเวณภาคเหนือตอนบน เป็นแคว้นล้านนา และภาคเหนือตอนล่าง เป็นแคว้นสุโขทัย
ครั้งนั้นบังเกิดปรากฏการณ์ทางสังคมของทุกรัฐโบราณ คือ การที่พระมหากษัตริย์และไพร่ฟ้ามีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเถรวาท ยกให้เป็นความเชื่อหลักของบ้านของเมือง ดังเห็นได้จากรัชสมัยพระมหากษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง แคว้นสุโขทัย และพระมหากษัตริย์ราชวงศ์มังราย แคว้นล้านนา
พระพุทธศาสนาเถรวาทได้จำเริญอยู่เคียงข้างแคว้นสุโขทัย และแคว้นล้านนามาโดยตลอด โดยพระมหากษัตริย์ไทยทั้งสองแคว้น ทรงมีบทบาทสำคัญ ต่อการนำเอาพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เข้ามาสู่แคว้นทั้งสอง
และแล้วแคว้นสุโขทัยก็ปรากฏพระนาม พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการปกครอง และสร้างสันติสุขให้กับสังคมไทย ดังความปรากฏในหลักศิลาจารึกที่ 1 พศ. 1835 ว่า
พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าขุนทั้งสิ้น ทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรรษากาลทุกคน
พระราชจริยาวัตรอย่างหนึ่งของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช คือ ทรงให้ความสำคัญกับการฟังธรรมในวันธรรมสวนะ ทรงโปรดให้ใช้ดงตาลในเมืองสุโขทัยเป็นสถานที่ฟังธรรมในวันพระ และที่ดงตาลแห่งนี้ ยังทรงสร้างพระแท่นมนังศิลาบาตรไว้สำหรับพระองค์ เสด็จประทับฟังข้อราชการบ้านเมืองกับบรรเดาเจ้านายและขุนนาง
ดังนี้ การฟังธรรมในวันธรรมสวนะจากพระสงฆ์ผู้ใหญ่ จึงมีทั้งพระมหากษัตริย์ เจ้านาย ขุนนาง และทวยราษฎร ต่างมีโอกาสมาชุมนุมพร้อมกันเพื่อรักษาศีล และฟังธรรม
นอกจากนี้ บรรดาพิธีกรรมทางศาสนาได้เกิดขึ้นในยุคสังคมสุโขทัย เช่น พิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 พิธีกฐินหลังการออกพรรษา และพิธีจองเปรียง เป็นต้น
อนึ่ง การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สำหรับเป็นพระประธานในอุโบสถวิหารต่างๆ ก็เกิดในยุคนี้เช่นกัน เป็นต้นว่า การสร้างพระพุทธรูปหล่อสำริดองค์ขนาดใหญ่ ประดิษฐานในวิหารหลวง วัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย อันได้พระนามต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ว่า พระศรีศากยมุนี
นี้คือรากฐานและต้นแบบแห่งกระบวนการอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา ของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งยังความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอดแก่แผ่นดินและประชาชน สืบเท่าทุกวันนี้...!
ABOUT THE AUTHOR
บ
บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ระหว่างเพื่อน