มาตรวัดตลาดรถ
ดีทรอยท์ ?
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม, + 51.1 % รถยนต์นั่ง,+ 65.1 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 36.7 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, + 73.3 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), + 48.3 % รถอเนกประสงค์ (MPV), + 71.8 % อื่นๆ, + 22.0 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กันยายน ปี '55 กับ '54
ตลาดโดยรวม, + 47.7 % รถยนต์นั่ง, + 44.8 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 43.6 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, + 191.2 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,+ 54.1 % รถอเนกประสงค์ (MPV) ,+ 95.9 % อื่นๆ, + 28.3 % [/table] สงสัยกันบ้างหรือเปล่า ว่าคำว่า ดีทรอยท์ออฟเอเชีย ทำไมถึงได้หายไปจากสารบบวงการยานยนต์ไทย ที่จริงคนเคยพูดคำนี้ ตกกระป๋องไปนานแล้ว ก็เลยไม่มีใครออกมาช่วยย้ำ แต่ในสภาพความเป็นจริง ขณะนี้กำลังเป็นช่วงขาขึ้นของวงการของเรา เห็นได้จากยอดการขายของค่ายรถยนต์ รวม 9 เดือนที่ผ่านมา สามารถทำได้ถึง 990,943 คัน เติบโต 47.7 % บันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง ว่าสูงที่สุดเป็นครั้งแรก เพียงเดือนกันยายนเดือนเดียว ยอดขายพุ่งสูงถึง 131,457 คัน เพิ่มขึ้น 51.1 % ซึ่งจะทำให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นไปอยู่ 1 ใน 10 ของผู้ผลิตยานยนต์โลกได้หรือเปล่า ต้องจับตามอง แต่อนาคตมีรุ่งแน่นอน เพราะปัจจุบันโรงงานประกอบรถยนต์ของ ฟอร์ด แห่งใหม่ ก็เริ่มสายพานการผลิตแล้ว แถมยังมีเจ้าตลาด โตโยตา ได้รับการส่งเสริมมูลค่าเงินลงทุนรวม 116,789 ล้านบาท ผลิตรถเก๋ง รถตู้ รถเพื่อการพาณิชย์ เครื่องยนต์ เพื่อส่งออก ซึ่งจะเริ่มการผลิตได้ ในช่วงปลายปี 2556 ค่าย มิตซูบิชิ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพิ่มงบลงทุนอีกพันล้านบาท เพื่อเสริมกำลังการผลิต ให้สามารถผลิตได้เต็มกำลัง 5.1 แสนคัน/ปี นับเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับ มิตซูบิชิ ทั่วโลก เป็นรองก็แค่ญี่ปุ่นเท่านั้นเอง ส่วนค่ายอื่นๆ ก็เร่งเพิ่มการผลิต เพื่อให้ทันต่อการส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค ทั้งปรับปรุงสายพาน ทั้งเพิ่มกะการทำงาน ที่ทำเอาบรรดาพนักงานโรงงาน ร้องโอดโอยไปตามๆ กัน แถมด้วยปีหน้านี่ อีโคคาร์จากยักษ์ใหญ่ โตโยตา จะออกสู่ตลาดอีก 1 หน่วย ก็เท่ากับว่า ปลายปีหน้า ยอดการผลิตของเราเห็นท่าจะต้องฉลองระดับ 3 ล้านคันอีกแล้วสินี่ เพราะปลายปีนี้ กำลังจะฉลองการผลิต 2 ล้านคัน ให้เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง คอยดูแล้วกัน ว่าปลายปี 2556 ประเทศไทย จะอยู่ในตำแหน่งผู้ผลิตระดับโลกที่เท่าไร ก่อนไปถึงยอดขายประจำเดือน มาดูเรื่องน่ารู้บางเรื่อง หนนี้เป็นการศึกษาตลาดของไพรศ์วอเตอร์ บริษัทที่ทำหน้าที่ทางด้านศึกษาภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ พบว่า การผลิตรถยนต์ทั่วโลกจะยังทำสถิติใหม่ทุกปีไป จนถึงปี 2560 โดยประเด็นใหญ่ ผู้ผลิตในญี่ปุ่น จะขยายสายการผลิตนอกประเทศ เพื่อลดปัญหาค่าเงินเยน นอกจากนั้น แนวโน้มในการควบรวมกิจการ หรือที่เรียกว่า ค่ายรถยนต์บแรนด์นี้ ไปซื้อหุ้นในค่ายรถยนต์อีกบแรนด์หนึ่ง รวมทั้งในอุตสาหกรรมธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ด้วยเช่นกัน เพื่อลดปัญหาขั้นตอนในการวิจัยและพัฒนา แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรปและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลก จะยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของธุรกิจ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ในยุโรป ยังถูกจับตามองว่าเป็นเป้าหมายสำคัญ ของการควบรวมจากผู้ซื้อทั้งในสหรัฐอเมริกา และตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญในเอเชียอย่างจีนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่า แนวโน้มของกิจกรรมการควบรวมกิจการในธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ จะยังโตได้ใกล้เคียงกับระดับสูงสุด ในปี 2555 ด้วยจำนวนธุรกรรมกว่า 270 ธุรกรรมทั่วโลก ผลการศึกษาประจำปี 2555 เกิดจากการเก็บรวบรวมข้อมูล ของผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่และอื่นๆ จำนวน 700 ราย ครอบคลุมประเทศต่างๆ ในหลายทวีปทั้งยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ ได้แก่ บราซิล จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ยังไม่ถึงเหตุการณ์ประท้วงในประเทศจีน ต่อกรณี กรรมสิทธิ์ในเกาะเตียวหยู ที่ทำให้ยอดการขาย และยอดการผลิตในประเทศจีน ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น หดหายไปเยอะ อันจะทำให้มีการพิจารณาการลดการลงทุนในประเทศจีน หรือย้ายฐานการผลิตอีกครั้ง อันจะเป็นผลไปถึงยอดการผลิตในปีนี้ โดยตรง ซึ่งนั่นจะต้องอยู่ในรายงานการศึกษา ประจำปี 2556 อีกครั้ง กลับมามาตรวัดของเรา ยอดการขายเดือนกันยายน เดือนเดียว ทำประวัติอีกครั้ง ทำได้ 131,457 คัน เพิ่มขึ้น 51.1 % ทำให้ยอดรวมขึ้นสูงถึง 990,943 คัน เพิ่มขึ้น 47.7 % ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ยังอันดับหนึ่ง ขาย 46,483 คัน เพิ่มขึ้น 18.7 % ส่วนแบ่งตลาด 35.4 % อันดับที่สอง ฮอนดา ขาย 19,465 คัน เพิ่มขึ้น 56.5 % ส่วนแบ่ง 14.8 % อันดับที่สาม อีซูซุ ขายได้ 17,046 คัน เพิ่มขึ้น 55.6 % ส่วนแบ่ง 13.0 % อันดับที่สี่ นิสสัน ได้ผลพวงของ อีโคคาร์ ขาย 11,701 คัน เพิ่ม 82.7 % ส่วนแบ่ง 8.9 % และอันดับห้า มิตซูบิชิ ขาย 11,683 คัน เพิ่ม 105.0 % ส่วนแบ่ง 8.9 % พอแยกเป็นประเภทรถยนต์นั่ง เดือนเดียวขายได้ 65,145 คัน เพิ่มขึ้น 65.1 % ขณะที่ยอดรวม 9 เดือน ขาย 422,736 คัน เพิ่มขึ้น 44.8 % โดยมีแชมพ์เจ้าเก่า โตโยตา ขาย 18,946 คัน เพิ่มขึ้น 16.4 % ส่วนแบ่ง 29.1 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 18,083 คัน เพิ่มขึ้น 59.6 % ส่วนแบ่ง 27.8 %, ที่สาม นิสสัน ขาย 10,376 คัน เพิ่ม 127.9 % ส่วนแบ่ง 15.9 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 4,950 คัน เพิ่มเยอะ 1,059.3 % ส่วนแบ่ง 7.6 % ที่ห้า มาซดา ขาย 4,171 คัน เพิ่มขึ้น 35.2 % ส่วนแบ่ง 6.4 % แชมพ์ผู้เสียภาษีสูงสุด มิตซูโอกะ ขาย 2 คัน, แจกวาร์ แฟร์รารี ขายเจ้าละ 1 คัน แยกเป็นประเภทรถกระบะ 1 ตัน เดือนนี้แชมพ์เก่ายังเป็นของ โตโยตา ขายได้ 19,046 คัน ส่วนแบ่ง 40.8 % ส่วนที่สองเป็นของ อีซูซุ ที่กำลังไล่กวดมาอย่างเร็วด้วยยอดขาย 14,230 คัน รับส่วนแบ่งไป 30.5 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 4,222 คัน ส่วนแบ่ง 9.1 % ที่สี่ มาซดา ขายไป 3,025 คัน ส่วนแบ่ง 6.5 % ที่ห้า เชฟโรเลต์ ขาย 2,845 คัน ส่วนแบ่ง 6.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง เดือนนี้ก็เพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาดเช่นกัน โดยยอดรวม ขาย 8,770 คัน เพิ่มขึ้น 48.3 % รวม 9 เดือน ขาย 65,970 คัน เพิ่ม 54.1 % โดยมีแชมพ์เป็น โตโยตา ขาย 3,210 คัน เพิ่มขึ้น 63.9 % ส่วนแบ่ง 36.6 % ที่สอง มิตซูบิชิ ขาย 2,186 คัน เพิ่ม 41.9 % ส่วนแบ่ง 24.9 % และที่สาม เซฟโรเลต์ ขาย 1,910 คัน เพิ่ม 654.9 % ส่วนแบ่ง 21.8 % รถอเนกประสงค์ หรือรถแวน ยอดเพิ่มขึ้น 71.8 % รวม 2,103 คัน โดยยอดรวม 9 เดือนขายยังเพิ่มถึง 95.9. % ทำได้ 19,726 คัน มีเจ้าตลาด โตโยตา ขายมากกว่าเพื่อน 1,415 คัน ครองส่วนแบ่ง 67.3 % สิ้นปีนี้ ประวัติศาสตร์ยานยนต์ไทย ก็จะต้องเปิดบันทึกหน้าใหม่อีกครั้ง ขอแสดงความนยินดีล่วงหน้ากับค่ายรถยนต์ทุกค่าย มา ณ โอกาสนี้ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ