ใส่สีใส่สัน
A STREETCAR NAMED DESIRE
A STREETCAR NAMED DESIRE (รถรางสาย "ปรารถนา") เป็นภาพยนตร์ปี 1951 สร้างจากบทละครดัดแปลงชื่อเรื่องเดียวกันในปี 1947 ซึ่ง เทนเนสซี วิลเลียมส์ เป็นผู้ประพันธ์ และเสนอตัวเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ด้วย ร่วมกับ ออสการ์ ซาอูล
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นขาว-ดำ ประเภทโรแมนทิค และชีวิต กำกับการแสดงโดย อีเลีย คาซาน ซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดงละครเวทีในเรื่องเดียวกันมาแล้ว อีกทั้งผู้แสดงนำส่วนใหญ่ ยกเว้นนางเอกคนเดียว คือ วิเวียน ลีห์ ก็เป็นผู้แสดงชุดที่แสดงบนเวทีละคร ทั้ง มาร์ลอน บแรนโด, คิม ฮันเตอร์ และคาร์ล มัลเดน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ในด้านการแสดงเกินกว่า 3 สาขา
โดย วิเวียน ลีห์ ได้รับรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม, คาร์ล มัลเดน ได้รางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม และคิม ฮันเตอร์ ได้รางวัลนักแสดงสมทบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม ส่วน มาร์ลอน บแรนโด เพิ่งจะเอาดีทางการแสดงภาพยนตร์ ตอนนั้นอายุ 27 ปี หล่อชะมัด ชื่อที่ปรากฏในไทเทิล เป็นรองจาก วิเวียน ลีห์ เพราะเธอผ่านการแสดงเป็นนางเอกในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ GONE WITH THE WIND (วิมานลอย) มาแล้ว ซึ่งในเรื่อง วิเวียน ลีห์ รับบทเป็นสาวชาวใต้ มาในเรื่อง A STREETCAR NAMED DESIRE ก็รับบทสาวชาวใต้อีกครั้ง เมื่อครั้งที่เป็นละครบรอดเวย์ นักแสดงหญิงที่รับบท บลองเช ดูบัวส์ คือ เจสสิกา แทนดี พอสร้างเป็นภาพยนตร์ ก็มีการค้นหานักแสดงกันใหม่ เพราะ เจสสิกา แทนดี ยังมีชื่อเสียงไม่ดังมาก นี่ก็แปลความได้อย่างหนึ่งว่า ภาพยนตร์ฮอลลีวูดในสมัยนั้น (1950s) ดาราต้องมาก่อนจึงจะมีคนดู มีการเสนอชื่อนักแสดงใหญ่ๆ อย่าง โอลิเวีย เดอ ฮาวิแลนด์ และ เบทที เดวิส แต่ในที่สุดผู้สร้างก็ตัดสินใจเลือก วิเวียน ลีห์ ซึ่งได้รับชื่อเสียงใหญ่โตมาก จากภาพยนตร์เรื่อง GONE WITH THE WIND ที่เธอแสดงนำร่วมกับ คลาร์ค เกเบิล ในปี 1939
A STREETCAR NAMED DESIRE ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 1951 มากถึง 12 สาขา มาร์ลอน บแรนโด ก็เป็นอีกหนึ่งคนในการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลพระเอกยอดเยี่ยม แต่คะแนนไปแพ้คนเดียว คือ แพ้ ฮัมฟรีย์ โบการ์ท แสดงนำในเรื่อง THE AFRICAN QUEEN ถึงอย่างไร มาร์ลอน บแรนโด ผู้รับบทเป็น สแตนลีย์ โควาลสกี ก็ประทับใจแฟนภาพยนตร์ตั้งแต่เรื่องนี้ จนออกดอกผลต่อไปอย่างคลุ้มคลั่ง
เนื้อหาเริ่มจาก บลองเช ดูบัวส์ เดินทางจากบ้านในโอริโอลมาถึงนิวออร์ลีนส์ เพื่อมาหาน้องสาว คือ สเตลลา โควาลสกี ภรรยาของ สแตนลีย์ บลองเช ค่อนข้างจะกังวลกับบุคลิกภาพของตัวเอง แม้จะอายุมากไปแล้วแต่ก็ยังมีเสน่ห์ชวนมอง โดยเฉพาะผู้ชายจะต้องหลงใหลกับมาดที่แสนมั่นใจของเธอ สเตลลา อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ราคาถูก ในเขตเช่าของฝรั่งเศส ซึ่งมีรถรางสายที่มีชื่อว่า "ปรารถนา" แล่นผ่าน เมื่อ บลองเช มาถึง สิ่งที่รบกวนประสาทของเธอประการแรกก็คือ นิสัยการระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรง ทุบสิ่งของเป็นว่าเล่น ชอบแผดเสียงดังแสดงอำนาจของ สแตนลีย์
ภาพยนตร์ปูอุปนิสัยของ สแตนลีย์ เป็นนักวิชาการ ชอบการค้นคว้า และก็รู้ด้วยว่า กำพืดอันแท้จริงของ บลองเช พี่เมียนั้นเป็นอย่างไร รู้อีกว่า เพราะอะไรเป็นเหตุให้เธอระเห็จออกมาจากโอริโอล บลองเช บอกน้องสาวว่า เลิกอาชีพการเป็นครูเพราะสุขภาพไม่ดี แต่ความจริงเธอถูกไล่ออก เพราะดันไปมั่วกับนักเรียนชายอายุ 17 ปี
แต่ บลองเช ก็ยังเป็นผู้หญิงที่เข้าตาผู้ชายอย่าง ฮาโรลด์ "มิทช์" มิเชล ขณะเดียวกันความลำบากใจก็เกิดขึ้นกับ สเตลลา ผู้เป็นน้องสาว และเป็นเมียของ สแตนลีย์ ซึ่งรู้จัก สแตนลีย์ มากกว่าพี่สาว ทนได้กับนิสัยเหมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่งของเขา สเตลลา กลายเป็นผู้หญิงที่มีลักษณะถ่อมตนอย่างน่าเคารพนับถือ ซึ่งหลายคนก็เห็นว่า ทนอยู่ได้อย่างไรกับความป่าเถื่อนของสามี
ความขัดแย้งระหว่าง บลองเช กับสแตนลีย์ เพิ่มดีกรีขึ้น เมื่อ มิทช์ แสดงความรู้สึกกับ บลองเช และเธอเองก็ไม่มีอาการรังเกียจ ห้องพักของ สเตลลา อยู่ชั้นล่าง โดยชั้นบนเป็นที่อยู่ของอีกครอบครัวหนึ่ง สามีอายุน้อยกว่าภรรยา มีเรื่องกันเป็นประจำ พอๆ กันกับคู่ของ สเตลลา และสแตนลีย์ เวลามีเรื่องเดือดร้อน ถูกสามีชกต่อย สเตลลา ก็ชอบวิ่งหนีขึ้นไปอาศัยอยู่ที่ชั้นบน ซึ่งเจ้าของ คือ ยูนีศ หญิงอายุมาก เมื่อ สแตนลีย์ อารมณ์เย็นลง ก็ไปเรียกหาเมียอยู่ที่ตีนบันได เรียกจนเมียทนไม่ไหวยอมแพ้ คืนดีกับสามี
ถึงตอนนี้ เรื่องก็ใหญ่โตขึ้น เข้าทำนองเรื่องของผัวเมีย เทวดาไม่เกี่ยว ยามที่ผัวเมียรักกัน คนอื่นก็กลายเป็นส่วนเกิน เช่นเดียวกับ บลองเช ซึ่งถูก สแตนลีย์ ไล่ออกจากบ้าน ให้กลับไปมิสซิสซิพพี
สุดท้ายมี "การข่มขืน" เกิดขึ้น สแตนลีย์ จัดการส่ง บลองเช ไปรับการบำบัดทางประสาท ที่สถานบำบัดโรคจิต ความทราบถึง มิทช์ ก็โมโหสุดขีด เข้าไปต่อย สแตนลีย์ กระเด็น เพราะเข้าใจว่า สแตนลีย์ ข่มขืน บลองเช แล้วส่งไปบำบัดโรคประสาท ที่โรงพยาบาลโรคจิต
บลองเช ทนรับสภาพอีกต่อไปไม่ไหว ต้องอาศัยรถรางสายปรารถนากลับโอริโอล สเตลลา ขอตามไปด้วยแต่ไปไม่ทัน เพราะรถรางออกจากสถานีไปแล้ว จึงหลบหนีสามีขึ้นไปชั้นบนเหมือนเดิม ต่างกันที่ครั้งนี้ สแตนลีย์จะเรียกเธอสักกี่ครั้ง สเตลลา ก็ใจแข็ง พยายามพูดกับตัวเองตลอดเวลาว่า "NEVER GOING BACK" ตลาดดีวีดีเมืองไทยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ หายากสักหน่อยครับ ส่วนมากจะมีแต่คุณภาพต่ำ แต่ถ้าหาได้ก็น่าจะคุ้มสำหรับคนที่ชอบศิลปินผู้นำแสดง ทั้งหญิงและชาย
A Streetcar Named Desire
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2555
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน