เทคนิค(car)
ปรับ GAIN อย่างไร ?
สำหรับเทคนิคการปรับ GAIN ผู้อ่านคงได้อ่านกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าในบทความจากนิตยสาร คาร์ สเตริโอ หรือเล่มอื่นๆ ครั้งนี้นำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ที่อาจจะไม่เคยได้อ่าน หรือเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน มาติดตามกัน
1. เล่นแผ่น CD เพลงทั่วไปที่คุ้นเคยกับเครื่องเล่นวิทยุรถยนต์ โดยปรับวอลูมที่วิทยุประมาณ 75 % และใส่อุปกรณ์ป้องกันหู
2. ปรับ GAIN เพาเวอร์แอมพ์ที่ตำแหน่งต่ำสุด หลังจากนั้นค่อยๆ ปรับ GAIN อย่างช้าๆ จนกระทั่งได้ยิน CLIPPING จากลำโพง โดยให้พอได้ยินความเพี้ยนของเสียง
3. เมื่อพบจุด CLIPPING ให้ปรับลด GAIN ลง จนกระทั่งไม่ได้ยินความเพี้ยนอีกต่อไป
4. ทำขั้นตอนซ้ำสำหรับการปรับ GAIN ให้กับเพาเวอร์แอมพ์ตัวอื่นๆ
5. ตั้งวอลูมที่จุดสูงสุดบนวิทยุรถยนต์ที่ 75 % ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อการฟังทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่ 80 % ในการตั้งค่าที่เหมาะสม เนื้อหาต่อจากนี้เป็นส่วนที่เหลืออีก 20 %
GAIN คืออะไร ?
เป็นที่รู้กันว่า GAIN คือ ความไวอินพุท เป็นปุ่มปรับเสียงที่อยู่ระหว่างลำโพง และเฮดยูนิท เพาเวอร์แอมพ์ส่วนใหญ่จะมี รวมถึงอีควอไลเซอร์ ตัวแปลงสัญญาณขาออก และครอสส์โอเวอร์
มีไว้เพื่อทำอะไร ?
ทำให้สัญญาณเอาท์พุทแมทช์กันจากความแตกต่างของอุปกรณ์แต่ละชิ้น เพื่อให้ได้สัญญาณที่สะอาด ผลที่ได้รับ คือ ประสิทธิภาพสูงสุด และเสียงรบกวนน้อยที่สุด ลดความเสี่ยงในการที่จะได้รับความเสียหาย
CLIPPING คืออะไร ?
CLIPPING คือ ตัวกำหนดความเพี้ยน เมื่อเพาเวอร์แอมพ์ทำงานเกินความสามารถของมัน ในแง่ความเพี้ยนของเสียงที่ดนตรี PEAKS สูงสุด ตัวอย่างเช่น เสียงกลองเกิด MUDDY (ไม่ชัดเจน) หรือความเพี้ยน เมื่อปรับเสียงเพิ่มขึ้น แต่ยังคงสะอาด เมื่อปริมาณความดังเสียงอยู่ระดับต่ำ นั่นคือ อาการ CLIPPING (คลื่นสัญญาณเสียงที่ส่วนปลายด้านบนถูกตัด) และเกิดอะไรขึ้นเมื่อเพาเวอร์แอมพ์ขับเสียงในช่วงกำลังขับที่ฉับพลัน
ให้เข้าใจว่า นั่นคือ ความแตกต่างระหว่างพลังงานคงที่ (RMS) และพลังงานสูงสุด (PEAK) ที่เพาเวอร์แอมพ์สามารถผลิตได้ เนื่องจากมีมาตรฐานการวัดบางอย่างในไม่กี่มาตรฐานที่มี แต่เนื่องจากคลื่นเสียงมีลักษณะที่เป็น PEAKS และ VALLEYS (ปลายยอด และแอ่ง) เอาท์พุทของแอมพ์ไม่คงที่ แต่เป็นการเพิ่มขึ้น และลดลงโดยสัญญาณดนตรี
พลังสำรองของเพาเวอร์แอมพ์ คือ สิ่งที่ใช้จัดการกับ PEAKS ของดนตรี หรือที่เรียกกันว่า PEAK POWER หรือ HEADROOM ซึ่ง HEADROOM เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับกำลังขับ RMS ของแอมพ์ที่เพิ่มเป็น 2 เท่า แต่คงที่อยู่ได้เพียงไม่กี่มิลลิวินาที
ดังนั้น เพดานข้อจำกัดของ HEADROOM ก็คือ อาการ CLIPPING โดยไม่ทำให้ลำโพงได้รับความเสียหาย ซึ่งก็หมายถึง การปรับความสูง (โดยใช้ GAIN) อย่างเหมาะสม และการตั้งค่าที่ถูกต้อง จะช่วยให้แอมพ์ได้รับกำลังขับสูงสุดโดยไม่เกินกำลังของเครื่อง
ทดสอบอย่างถูกต้อง
แผ่นทดสอบ CD ด้วยการเซทคลื่นสัญญาณเสียงไว้ที่ 0 ดีบี ในย่าน 50-80 HZ มันเที่ยงตรงมากกว่าใช้แผ่น CD เพลง ที่คุณสั่งซื้อ หรือดาวน์โหลดพโรแกรมด้วยตัวเอง แผ่นพวกนี้ไม่แนะนำให้นำมาใช้ทดสอบด้วยตัวเอง เพราะมันอาจมีผลกระทบผลกับผลิตภัณฑ์ได้ ถ้าคุณมีครอสส์โอเวอร์ 3 ทาง คุณต้องปรับอย่างเหมาะสม ให้แน่ใจว่าในการทดสอบความถี่จะไม่เกินขอบเขตย่านลำโพง และต้องทดสอบแยกแต่ละความถี่
การขยายของปุ่มควบคุมเสียง
ถ้าหากคุณมีวิทยุ/อีควอไลเซอร์ ให้ปรับไว้ที่ฟแลทตามพื้นฐานปกติ เซททุกอย่างให้แน่ใจก่อนที่จะลงมือทดสอบ เพื่อเป็นการดีที่สุด ให้ปรับฟแลท ถ้าเลือกปรับควบคุมเสียง ให้แน่ใจว่าทุกปุ่ม และปุ่มเฟเดอร์ บาลานศ์ ปรับไว้เป็นศูนย์
ปุ่มควบคุมวอลูมซับวูเฟอร์
แอมพ์จำนวนมากจะมีปุ่มปรับเสียงซับวูเฟอร์ ถ้าคุณต้องใช้ ควรจะปรับปุ่มควบคุมวอลูมซับวูเฟอร์ให้สูงสุด ก่อนที่จะตั้ง GAIN ขยายสัญญาณแอมพ์ ถ้าไม่ใช้ก็ควรจะยกเลิกการใช้งานปรับตั้ง GAIN แอมพ์ทั้งหมดให้อยู่ในจุดต่ำสุด ก่อนจะเริ่มต้น โดยปรับย้อนเข็มนาฬิกา
สวิทช์ความไวอินพุท
ถ้าแอมพ์มีสวิทช์เลือกความไวอินพุทที่แตกต่างกัน โดยเริ่มต้นการตั้งค่าสูงสุด ซึ่งแสดงเป็นแรงดันไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น 0.2-1 โวลท์, 1-3 โวลท์, 3-8 โวลท์ เริ่มต้นด้วยตัวเลขที่สูงกว่า (ตัวอย่าง 3-8 โวลท์) ถ้าไม่สามารถปรับแอมพ์ให้ CLIP ได้ ให้ลองต่อไปจนพบจุดตัด มันไม่มีมาตรฐานตายตัวอะไรมาวัด ว่าระบบเสียงที่ดีจะอยู่ที่อะไร นี่เพียงแต่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ/อินเตอร์เนทนิตยสาร 409 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)