เมร์เซเดส-เบนซ์ 300 ซี

สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว ช่วงนั้นวัสดุที่ใช้ผลิตยุทโธปกรณ์สงคราม เหลือค้างมากมาย ทั้งเหล็ก อลูมิเนียม และสี ตัวถังเหล็กของรถยนต์หลังสงคราม จึงมักมีส่วนผสมของอลูมิเนียมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังทาสีกันสนิมแบบเดียวกับรถถังที่โครงรถด้านใน จุดเด่นที่สุดของรถหลังสงคราม ได้แก่ การออกแบบหัวเก๋งทรง "หัวโคร่ง" เสาตั้ง หลังคาสูง เพื่อให้นั่งสบาย โดยสารได้ทั้งครอบครัว ไฟหน้าบางรุ่นเริ่มกลืนเข้าไปอยู่ในซุ้มล้อ การประกอบตัวถังทำได้ "เนียน" กว่าเดิม กระทะล้อซี่ลวดหมดความนิยม เปลี่ยนเป็นกระทะล้อเหล็กเป็นส่วนใหญ่ แต่บางรุ่นที่ยังอนุรักษ์ ก็จะเสริมซี่ลวดแนวทแยงเข้าไป เพื่อความสวยงาม และสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น เช่นเดียวกับ เจ้า เมร์เซเดส-เบนซ์ 300 ซี รถรุ่นหลังสงครามคันนี้ ทรวดทรงบึกบึน ไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้า และกันชนหน้า/หลังโครเมียม โป่งล้อหน้า/หลังขนาดใหญ่โค้งมน เสริมส่งให้รถดูภูมิฐาน ฝาครอบดุมล้อโครเมียม ที่เปิดประตูแบบคันบิด ใช้โครเมียมตกแต่งตามคิ้วต่างๆ ดูสวยลงตัว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งได้ 6 คน สบายๆ เน้นโทนสีครีม เบาะหนังหนานุ่ม พวงมาลัย 2 ก้าน สีงาช้าง แผงหน้าปัดหรูหรา มาตรวัดใหญ่มองเห็นชัดเจน เกียร์มือแบบอัตโนมัติ แชสซีส์ เป็นของรถรุ่นก่อนสงครามโลก ตัวถังออกแบบใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,996 ซีซี 115 แรงม้า แบกน้ำหนัก 1,780 กก. มีระบบปรับระดับช่วงล่างตามน้ำหนักบรรทุก โดยติดตั้ง สวิทช์ ควบคุมที่ แดชบอร์ด นอกจากนี้ ยังติดตั้งอุปกรณ์หรูหรา และล้ำสมัยมากมาย สมเป็นรถยนต์จากค่ายดาวสามแฉก อาทิ โทรศัพท์ ระบบสัญญาณ วีเอชเอฟ เครื่องพิมพ์ดีดชวเลข และโต๊ะพับ ซึ่งเหมาะสำหรับนักธุรกิจ และ นักการเมือง ซันรูฟ และพาร์ทิชัน กั้นระหว่างพลขับกับผู้โดยสารในรุ่น ทอพ เมร์เซเดส-เบนซ์ 300 ซี ออกสู่ตลาดระหว่างปี 1951-1957 ทำยอดขายรวม 1,432 คัน [table] ข้อมูลจำเพาะ ยี่ห้อ/รุ่น เมร์เซเดส-เบนซ์ 300 ซี รูปแบบ, เก๋ง 4 ประตู ปีที่ผลิต (คศ.), 1951-1957 เครื่องยนต์แบบ, เบนซิน 6 สูบ ความจุ (ซีซี), 2996 กำลังสูงสุด (แรงม้า), 115 เกียร์ (จังหวะ), อัตโนมัติ 4 [/table]