รู้ไว้ใช่ว่า
ค่าขาดไร้อุปการะ ?
การซื้อขายรถยนต์ในบ้านเราระยะนี้ น่าจะมีประเด็นเพิ่มขึ้นนิดหนึ่ง นั่นคือ ผู้ซื้อต้องดูว่า รถเจอน้ำท่วมมาหรือเปล่า เฉพาะรถใหม่ป้ายแดงอาจรอดตัว ไม่โดนตั้งข้อสงสัยมากนัก แต่ก็ต้องชำเลืองดูเหมือนกันว่า ก่อนจำหน่ายรถเก็บไว้ที่
ไหน ยังไง
ส่วนรถมือสอง ไม่ว่าจะซื้อตามเทนท์ตามบ้าน แน่นอนห้ามกันไม่ได้ ถ้าผู้ซื้อเขากังวลว่า รถแช่น้ำมาหรือไม่ ยังไง ผู้ขายต้องเป็นภาระชี้แจงสำแดงหลักฐานให้เขามั่นใจว่า รถที่ขายแห้งมาตลอด ไม่แตะต้องน้ำเลยละพ่อคุณ
ลำบากคือรถอยู่ในย่านที่ขึ้นชื่อว่าน้ำท่วมหนัก เกือบมิดหัว หรือมิดบ้านชั้นเดียว คนซื้อคงคิดเยอะว่ารถผ่านการดำน้ำมาหรือเปล่า ก็เดือดเนื้อร้อนใจกันพอสมควร สำหรับตลาดรถช่วงนี้
อ้อ ถ้าอยากได้รถที่แน่ใจว่าไม่โดนน้ำท่วม โน่นเลย หารถตามต่างจังหวัด แถวอีสานที่ไม่มีข่าวโดนน้ำท่วม น่าจะเชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซนต์
สรุปไม่ว่ารถใหม่ รถเก่า รถทะเบียนจังหวัดไหน ผู้ซื้อต้องหูไวตาไวกว่าปกติ เล็งดูบ้างว่า ผจญน้ำท่วมมาหรือเปล่า ไม่แน่ใจ หาคนที่เขามีความรู้ไปช่วยส่องดู เลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้าเป็นค่าเหนื่อยซะหน่อย ก็จะสบายใจ สำหรับผู้ขายอย่าได้
น้อยอก ตกใจ ที่เขามาก้มๆเงยๆ ดูรถ และบ่นงึมงำ
...เจอน้ำท่วมมาหรือเปล่า...
ปล่อยให้เขาดู เขาซัก จนพอใจ เพราะเขาต้องจ่ายสตางค์ ต้องเป็นหนี้ต้องผ่อนส่ง นะพี่นะ ขอร้องคิดซะว่า ถ้าเราเป็นฝ่ายไปซื้อรถมั่ง ก็กังวลเรื่องน้ำท่วมรถเหมือนกัน ใช่ไหม...ตัวเอง
มาว่ากันด้วยคดีความของเราอย่างเคย
อันว่ารถตู้นั้นไม่ธรรมดา ถ้าวิ่งรับผู้โดยสารเพื่อหาสตางค์ มัก "ซิ่ง" เกินสภาพรถ แล้วหนีไม่พ้นอุบัติเหตุแถมม่องเท่งกันทีละหลายๆ ชีวิต น่ากลัว งานนี้รถตู้ 2 คันแล่นสวนทางกัน รถคันที่ นายเอาอยู่ ขับไม่ยักเอาอยู่เหมือนชื่อ เพราะมาแรงจึงเสียหลัก รถเข้าไปขวางทางรถตู้คันที่ นายรอดเสมอ ขับ เมื่อเบรคไม่ทัน หลบไม่พ้น รถตู้ทั้ง 2 โดนกัน (ภาษากฎหมายเขาล่ะ) รถพังตามระเบียบ นายรอดเสมอ คราวนี้ไม่รอด ตายคาที่
รถชนกันหนัก มีคนเจ็บตายเมื่อไร ศาลต้องตาเขม่นเหนื่อย เพราะงานเข้าเพิ่มขึ้น เพราะคนบ้านเราไม่ค่อยยอมรับผิด ไม่ยอมจ่ายกันง่ายๆ เมื่องานศพ นายรอดเสมอ ผ่านพ้นไปตามสมควร แต่ไม่เกิน 1 ปี เดี๋ยวขาดอายุความ ญาติคนตายได้แก่ พ่อ แม่ และ ภรรยา ร่วมกันฟ้อง นายเอาอยู่ คนขับรถตู้คันก่อเหตุ และ นายหลบคล่อง เจ้าของรถ บังคับให้จ่ายค่าขาดไร้อุปการะคนละ 1.2 ล้านบาท ค่าปลงศพ 3 แสนกว่าบาท ค่ารถเสื่อม 1 แสนบาท ค่าขาดประโยชน์เพราะรถซ่อมนาน 1 แสนบาท รวมกันเป็นเงิน 3 ล้านกว่าบาท อ้อ บริษัทที่รับประกันภัยรถของ นายหลบคล่อง โดนด้วย แต่มีการถอนฟ้อง เนื่องจากยอมจ่ายตามสัญญาประกันภัยไปจำนวนหนึ่ง
จำเลย คือ นายเอาอยู่ ขาดนัดไม่สู้คดี ตามสไตล์ของลูกจ้าง ส่วน นายหลบคล่อง นั้นตั้งท่าหลบมาแต่ในมุ้ง อ้างพยานหลักฐานว่า นายเอาอยู่ เช่ารถไปขับ ตนเองไม่ได้เป็นนายจ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันควักเงินจ่ายเงินค่าขาดไร้อุปการะแก่ พ่อ แม่ ของ นายรอดเสมอ ผู้ตายคนละ 3 แสนบาท ให้เมียของ นายรอดเสมอ 2 แสน 8 หมื่นบาท ค่าปลงศพ 1 แสนบาทค่าเสียหายเกี่ยวกับรถ 1 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้ฟ้องอายุเยอะแล้ว อยากได้เงินใช้โดยเร็ว จึงไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลให้แค่ไหนเอาแค่นั้น
นายหลบคล่อง เจ้าของรถตู้ไม่ยอมจ่ายง่ายๆ ยื่นอุทธรณ์ขึ้นไปเพื่อต่อรองให้ลดลง หรือยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ไม่ต้องดีดลูกคิดให้ยุ่งยาก
ตามเคยเถ้าแก่รถตู้ คือ นายหลบคล่อง ต้องหาทางหลบหลีกต่อไปตามถนัด ยื่นฎีกาเล่นเกมยาว
ศาลฎีกายิ้มไม่ออก จำใจหอบสำนวนคดีนี้มาพิจารณาตามคิว แล้วชี้ขาดออกมาด้วยความละเหี่ยว่า
การที่ศาลล่างตัดสินให้ นายหลบคล่อง รับผิด ในฐานะผู้ประกอบการขนส่งไม่ได้หรอก มันนอกเหนือคำฟ้อง แต่ นายหลบคล่อง ฟังแค่นี้อย่าด่วนตีปีกชอบใจ เพราะศาลฎีกาดูพยานหลักฐานแล้ว เชื่อว่า นายเอาอยู่ ไม่ได้เช่ารถตู้ของนายหลบคล่องไปขับ มันส่อไปในทางซิกแซก นายหลบคล่อง รีบเอาสัญญาเช่ารถไปให้นายเอาอยู่เซ็นที่โรงพักหลังเกิดเหตุ ตามคำให้การตามพฤติการณ์ที่ปรากฏ นายหลบคล่อง เคยจ้าง นายเอาอยู่ ขับรถรับผู้ โดยสาร นายหลบคล่องจึงต้องรับผิดในฐานะนายจ้าง ดิ้นไม่หลุด
สำหรับค่าขาดไร้อุปการะที่ นายหลบคล่อง เถียงว่า นายรอดเสมอ ไม่ได้อุปการะพ่อแม่และเมียอะไรนักหนา แค่นิดๆ หน่อยตามฐานะ ศาลฎีกาแทงว่า เมื่อ นายรอดเสมอ อยู่ในฐานะต้องให้การอุปการะตามกฎหมายแล้วไซร้ พ่อแม่และเมียของ นายรอดเสมอ ฟ้องเรียกร้องได้ ศาลเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม
ได้ความว่าแม่และเมียของ นายรอดเสมอ อายุ 58 ปี กับ 34 ปี มีโอกาสได้รับการอุปการะอีกคนละ 15 ปีเป็นอย่างน้อย ศาลล่างกำหนดให้จำเลยจ่าย 3 แสน กับ 1 แสนบาท เหมาะสมแล้ว ส่วนพ่อของ นายรอดเสมอ อายุตั้ง 78 ปี เหลือเวลาตั๋วอีกไม่เท่าไร อันนี้ไม่ได้แช่ง ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะที่จำเลยต้องจ่ายถึง 3 แสนบาท ต้องลดลงมาหน่อย
หลงจ้งแล้วศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้จำเลยจ่ายเงินแก่ พ่อ แม่ และเมีย รายละ 2 แสนบาท 3 แสนบาท และ 1 แสนบาท ตามลำดับ ค่าปลงศพตามฐานะ 1 แสนบาท ค่ารถเสื่อมสภาพและค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถระหว่างซ่อม ๑ แสน 2 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ย
อยากให้รับรู้ ก็คือ ค่าขาดไร้อุปการะทนายชอบพาจำเลยสู้คดี เถียงยันป้ายว่า ตอนมีชีวิตอยู่ คนตายไม่ดูดำดูดี หรือยากจนข้นแค้น หรือไม่อยู่ในฐานะที่จะจ่ายให้ใครสักแดง แม้เป็นความจริง แต่ศาลตัดสินมาเป็นพันเป็นหมื่นคดี โดยถือหลักว่า ถ้าตามกฎหมายผู้ตายมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เมีย ลูก หรือบุคคลที่อยู่ในความดูแล ศาลบังคับให้จำเลยจ่ายค่าขาดไร้อุปการะทุกราย อย่าเถียงซะให้ยาก
จำนวนค่าขาดไร้อุปการะ ศาลยึดเอาอายุของผู้ที่พึงได้ค่าอุปการะมาจิ้มเครื่องคิดเลขว่า น่าจะมีอายุยืนยาวไปอีกกี่ปี เมื่อดูฐานะของคู่กรณีแล้วก็กำหนดให้ตามความเหมาะสม ส่วนโจทก์หรือจำเลยจะเห็นว่าเหมาะสมตามศาลหรือไม่ ยิ้มออกหรือไม่ ศาลไม่สนไม่เกี่ยว ต้องทำหน้าตายวางเฉยว่างั้นเหอะ
ทราบแล้วเปลี่ยนนะครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5042/2552/
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2555
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า