มาตรวัดตลาดรถ
ก่อนพบ น้องน้ำ
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน ปี 54 กับ 53
ตลาดโดยรวม, + 27.5 % รถยนต์นั่ง ,+ 30.2 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 26.9 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ,+ 34.4 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,+ 33.1 % รถอเนกประสงค์ (MPV), + 11.5 % อื่นๆ, + 5.5 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือน มกราคม-กันยายน ปี 54 กับ 53
ตลาดโดยรวม, + 20.6 % รถยนต์นั่ง, + 26.1 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 20.1 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, + 0.4 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), + 9.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV) ,+ 0.8 % อื่นๆ, + 12.6 % [/table] ได้รู้จักกันกับ น้องน้ำ ป้าน้ำ กันถ้วนหน้าแล้วนะครับ แต่ก่อนเราได้พบกับน้องน้ำ ยอดการขายรถยนต์เดือนกันยายน จบไตรมาสที่ 3 ของปี กำลังไปได้สวย เพราะผลพวงจากบริษัทแม่ ที่ญี่ปุ่น แก้ปัญหาเรื่องชิ้นส่วนขาดแคลนได้ สามารถผลิตส่งมาเมืองไทยได้รวดเร็วขึ้น ค่ายรถยนต์ก็เลยเร่งมือประกอบกันใหญ่ ทำงาน 2 กะนะ เป็นเรื่องธรรมดา พนักงานแทบจะต้องกินต้องนอนอยู่โรงงาน เป็นเรื่องปกติ แถมต้องเร่งส่งมอบรถที่ค้างจองให้ลูกค้า ก็ยังต้องเร่งกำลังการผลิตรถยอดนิยมรุ่นใหม่ ที่เพิ่งแนะนำกันอีกภาคการผลิตก็เลยสนุกสนานกันถ้วนหน้า และน่าสังเกตว่า รถเล็ก รุ่นใหม่ๆ ได้รับความนิยม ทำให้ยอดรวมเจริญเติบโตแซงหน้ารถกระบะ ไปเยอะ แถมกำลังซื้อของผู้บริโภค ก็อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะสะท้อนมาจากรายได้เกษตรกร ทำให้การเติบโตของการบริโภคและการลงทุน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีเป็นอันมาก แต่หลังจาก น้องน้ำ ผ่านไป ภาคการผลิต โดยเฉพาะโรงงานที่อยู่ในเขตอุทกภัย ก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ส่วนโรงงานที่ไม่ได้อยู่ในเขตประสบภัย ก็โดนหางเลขกันไปด้วย เพราะพึ่งพาชิ้นส่วนจากโรงงานที่อยู่ในเขตอุทกภัย คาดกันว่า มูลค่าความเสียหาย ของผู้ประกอบการยานยนต์ อาจสูงถึง 1 แสนล้านบาท แถมยังมองอนาคตไม่ออกอีกว่า จะกลับมาทำงานตามปกติได้อีกเมื่อไร ก็ได้แต่หวังว่า ภาครัฐบาล จะมีแนวทางในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยความกระตือรือร้น และมีความจริงใจ สิ่งสำคัญ คือ ต้องหาทางป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำในปีหน้า เพราะนักลงทุนญี่ปุ่นค่อนข้างรับไม่ได้ และขาดความเชื่อมั่น หากเกิดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมซ้ำอีก ถึงอย่างไรก็ตาม แม้เหตุการณ์น้ำท่วมกระทบการผลิตรถยนต์ในไทยปีนี้ แต่ก็ยังมั่นใจว่าในปี 2555 ผู้ผลิตจะมีความสามารถผลิตรถยนต์ได้ 2 ล้านคันแน่นอน ข้อเสนอของผู้ประกอบการ จากการสอบถามข้อมูลในเดือน กันยายน ส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ เอสเอมอี การทยอยปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาท/วัน, จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการ การเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ เพื่อสนับสนุนการใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และพัฒนาระบบลอจิสติคส์เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เป็นอาทิตย์ แต่ดูแล้ว ค่อนข้างจะเหมือนเดิมนะเนี่ย ร้องขอกันทุกครั้ง เมื่อมีการสำรวจ จะต้องให้ขอกันไปถึงไหน นานแค่ไหน อุทกภัยหนนี้ ทำให้ประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เพราะบรรดาโรงงานประกอบรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ก็พึ่งพาชิ้นส่วนบางประเภทจากบ้านเราเหมือนกัน ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง เพื่อเตรียมหาชิ้นส่วนจากแหล่งอื่น บางเจ้าก็ยังเชื่อมั่นเมืองไทยอยู่ แต่บางเจ้าก็ไปหาจากที่อื่นแล้ว ภาครัฐจะรู้เรื่องกันมั่งหรือเปล่าเนี่ย ยอดการขายรถยนต์ เดือนกันยายน ยอดรวมเดือนเดียว ขายกันทั้งตลาด 87,012 คัน เพิ่มขึ้น 27.5 % ขณะที่ยอดรวม 9 เดือน ขาย 670,969 คัน ยังเพิ่มอยู่ 20.6 % แชมพ์ยอดการขายรวม ได้แก่ โตโยตา ขาย 39,213 คัน เพิ่มขึ้น 42.1 % ส่วนแบ่ง 45.1 % อันดับสอง เป็นครั้งแรก ฮอนดา ขาย 12,439 คัน เพิ่มขึ้น 24.2 % ส่วนแบ่ง 14.3 % อันดับสาม อีซูซุ ร่วงมาหน่อย ขาย 10,956 คัน ลดลง 7.2 % ส่วนแบ่ง 12.6 % อันดับสี่ นิสสัน ขาย 6,402 คัน เพิ่มขึ้น 17.6 % ส่วนแบ่ง 7.4 % อันดับห้า มิตซูบิชิ ขาย 5,647 คัน เพิ่มเยอะ 56.5 % ส่วนแบ่ง 6.5 % รวม 3 ไตรมาส โตโยตา ขาย 255,617 คัน อีซูซุ ขาย 116,100 คัน ฮอนดา ขาย 73,318 คัน นิสสัน ขาย 55,110 คัน และ มิตซูบิชิ ขาย 52,708 คัน แยกเป็นประเภทรถยนต์นั่ง ขายเดือนเดียวได้ 39,454 คัน เพิ่มเยอะ 30.2 % พอรวม 9 เดือน ขาย 291,886 คัน เพิ่ม 26.1 % ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา ขาย 16,297 คัน เพิ่ม 35.5 % ส่วนแบ่ง 41.3 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 11,331 คัน เพิ่มขึ้น 24.7 % ส่วนแบ่ง 28.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 4,553 คัน เพิ่ม 30.8 % ส่วนแบ่ง 11.5 % ที่สี่ มาซดา ขาย 3,085 คัน เพิ่ม 41.6 % ส่วนแบ่ง 7.8 % และที่ห้า ฟอร์ด ขาย 1,435 คัน เพิ่มมากกว่าเพื่อน 46.6 % ส่วนแบ่ง 3.6 % ยอดรวม 9 เดือน โตโยตา ขาย 115,649 คัน ฮอนดา ขาย 67,397 คัน นิสสัน ขาย 36,818 คัน มาซดา ขาย 24,298 คัน และ ฟอร์ด 15,905 คัน รายงานผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แจกวาร์ ขาย 7 คัน โพร์เช ขาย 4 คัน แฟร์รารี ขาย 2 คัน โลทัส ลัมโบร์กินี อัลฟา โรเมโอ เบนท์ลีย์ และ มาเซราตี เจ้าละ 1 คัน ประเภทรถกระบะ 1 ตัน ผู้นำยังคงเป็น โตโยตา ที่มียอดรวมทั้งหมด 16.569 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งถึง 48.6 % ทิ้งห่างที่สอง อีซูซุ ซึ่งทำได้แค่ 9.042 คัน เท่านั้น ตามาห่างๆ ด้วยที่สาม มิตซูบิชิ 3.505 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก เดือนเดียวขายกันได้ 1,971 คัน ลดลง 3.2 % แต่รวม 9 เดือนยังเพิ่มอยู่ 19.9 % ขายได้ 19,108 คัน มีแชมพ์ อีซูซุ ขาย 988 คัน เพิ่ม 5.3 % ส่วนแบ่ง 50.1 % ที่สอง ฮีโน ขาย 861 คัน ลดลง 7.3 % ส่วนแบ่ง 43.7 % และที่ 3 มิตซูบิชิ ขาย 53 คัน ลดลง 47.5 % ส่วนแบ่ง 2.7 % รถอเนกประสงค์อื่นๆ หรือรถแวน ยอดรวมเดือนเดียว ขาย 2,182 คัน เพิ่มขึ้น 14.8 % รวม 9 เดือน ขาย 17,041 คัน เพิ่ม 5.4 % แชมพ์ โตโยตา เจ้าเดียวขาย 1,792 คัน เพิ่มขึ้น 10.9 % ครองส่วนแบ่งสูงสุด 82.1 % นาทีนี้ก็ได้แต่ภาวนาว่า ประเทศไทย โด่งดังขนาด ประธาน โตโยตา ต้องบินมาด้วยตัวเอง รัฐบาล จะมีน้ำยาแก้ไขปัญหากันได้ขนาดไหนไม่ใช่แก้กันด้วยน้ำตาอย่างเดียวนะABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ