ระเบียงรถใหม่
SMART FORSPEED
ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนมีนาคมปีกระต่าย มีรถไฟฟ้าอวดตัวให้เห็นนับ 10 คัน แต่มีอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้นที่ทีมงานของ "ฟอร์มูลา" เห็นหน้าตาและรูปทรงองค์เอวแล้ว เกิดความรู้สึกอยากซื้อไว้ใช้หากมีใครทำขาย รถคันที่ว่านั้นคือ สมาร์ท ฟอร์สปีด (SMART FORSPEED) ที่เห็นอยู่นี้
เป็นรถไฟฟ้าที่ยังมีฐานะเป็นเพียงรถแนวคิด และคงมีโอกาสน้อยมากที่จะเปลี่ยนฐานะเป็นรถตลาด เป็นผลงานของผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่รู้จักกันดีทั่วโลกในชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกๆ ของโลกที่เอาจริงเอาจังกับการออกแบบและพัฒนารถไฟฟ้ายุคใหม่ มีรถไฟฟ้าติดป้ายชื่อ สมาร์ท ฟอร์ทู อีเลคทริค ดไรฟ (SMART FORTWO ELECTRIC DRIVE) วิ่งตามท้องถนนในประเทศต่างๆ อยู่มากมายนับพันคัน รถรุ่นที่ 2 ซึ่งออกตลาดเมื่อปลายปี 2009 มียอดผลิตมากกว่า 1,500 คัน และกำลังวิ่งอย่างไร้ไอพิษอยู่ใน 18 ประเทศ จำนวนนี้มีประเทศใหญ่ๆ อย่าง เยอรมนี อิตาลี สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิทเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา รวมอยู่ด้วย ผู้บริหารของค่าย สมาร์ท ยืนยันว่า ประสบการณ์จากรถไฟฟ้า 2 รุ่นนี้ และข้อมูลป้อนกลับจากผู้ใช้ คือ ปัจจัยสำคัญในการพัฒนารถแนวคิด สมาร์ท ฟอร์สปีด
ระบบขับเคลื่อนในรถแนวคิด สมาร์ท ฟอร์สปีด เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 30 กิโลวัตต์/41 แรงม้า ไว้ตรงส่วนท้ายของตัวรถ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษมีระบบเพิ่มพลังที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า BOOST FUNCTION ติดตั้งอยู่ด้วย เมื่อกดปุ่มบังคับควบคุมซึ่งติดตั้งอยู่ตรงคอนโซลกลาง มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีกำลังเพิ่มขึ้น 5 กิโลวัตต์/7 แรงม้า ในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นลักษณะการออกแบบเพื่อใช้งานขณะขับรถในเขตเมือง และต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถคันหน้า
ส่วนแบทเตอรีเพื่อป้อนพลังไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่กล่าวข้างต้น เป็นแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 16.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถประจุไฟด้วยไฟบ้าน 220 โวล์ท ได้โดยง่าย การประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้ง รถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 135 กม. สามารถทำอัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ในเวลา 5.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. กรณีรีบเร่งไม่อยากเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ กับการประจุไฟแบทเตอรีด้วยไฟบ้าน ก็สามารถใช้วิธี QUICK CHARGING หรือ "ประจุด่วน" ในสถานที่ที่จัดไว้ โดยกรณีหลังนี้จะใช้เวลาเพียง 45 นาที แต่จะได้ปริมาณไฟเพียงร้อยละ 80
ที่น่าสนใจไม่แพ้ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้น คือ รูปลักษณ์ของตัวถัง ทั้งภายนอกและภายใน เป็นตัวถังนั่ง 2 คน ยาวไม่ถึง 3 เมตร ซึ่งไม่มีทั้งหลังคา และกระจกมองข้างดังที่เห็นในภาพ ชิ้นส่วนของเปลือกตัวถังเกือบทุกชิ้น ทำจากพลาสติคเสริมไฟเบอร์กลาสส์ (GLASS FIBRE-REINFORCED PLASTIC) ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์มวลเบา แต่แข็งแรง ภายนอกตัวถังมีรายละเอียดมากมายที่เหมือนหลุดจากการ์ตูนโดราเอมอนของญี่ปุ่น ตัวอย่าง คือ ดวงโคมไฟหน้า ซึ่งประกอบด้วยไฟ แอลอีดี ดวงเล็กๆ นับ 10 ดวงรายล้อมเป็นวงแหวนรอบวงกลมสีขาว และมีไฟเลี้ยวเป็นรูปลูกศร กับกันชนหน้าและกันชนหลังที่เจาะช่องดักอากาศเป็นรูเล็กๆ เหมือนรังผึ้ง ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีลักษณะการออกแบบอยู่หลายจุด ที่ไม่เคยพบกันมาก่อนในรถไฟฟ้าแบบอื่นๆ ตัวอย่างเช่น แผงหน้าปัด อุปกรณ์หน้าตาเหมือนเทอร์ไบน์ของเครื่องบินทำเป็น 2 ส่วนแยกจากกัน มาตรซึ่งติดตั้งเบื้องหน้าผู้ขับ บอกข้อมูลสำคัญๆ อย่างความเร็วของรถ ส่วนมาตรเบื้องหน้าผู้โดยสาร เป็นข้อมูลการนำทาง และการสื่อสาร การเน้นอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ขับต้องใช้อยู่บ่อยๆ เช่น คันเกียร์ พวงมาลัย และที่จับเปิดประตู โดยการหุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล เพื่อให้ดูตัดกับผนังซึ่งเป็นสีขาว
ผู้ที่รู้สึกเป็นห่วง เพราะเห็นว่าเป็นรถที่ไม่มีหลังคา ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารจะเสียหายเพราะฝนหรือแดด เพราะเขาทำเป็นแผ่นตัวรถไว้ให้ด้วย และถึงจะไม่มีแผ่นคลุมที่ว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวฝน เพราะอุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องโดยสารมี WATERPROOF COATING คือ หุ้มด้วยวัสดุที่กันน้ำได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีการทำร่อง และรางที่พื้นรถ เพื่อให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วอีกต่างหาก
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่