สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข
พระนครยนตรการ หรือ พีเอนเอ เป็นกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์จากต่างประเทศมากว่า 30 ปี ล่าสุดเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ สัญชาติมาเลเซียบแรนด์ ปโรตอน จนแพร่หลายในตลาดเมืองไทย กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของรถอีโคคาร์ ฟอร์มูลา สัมภาษณ์พิเศษ ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด
ผมอยู่ในธุรกิจรถยนต์มานาน เมื่อมีโอกาสสร้างบแรนด์ ก็จะรู้ถึงวิธีการนำเสนอ ปโรตอน เริ่มต้นจากศูนย์ ดังนั้นจึงภูมิใจที่สามารถทำให้ลูกค้าพึงพอใจและเติบโตจนถึงปัจจุบัน
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ ในปี 2554 จะลงเอยอย่างไร ?
ธวัชชัย : ตลาดโดยรวมในปีนี้ ผมมองว่าจะโตขึ้นประมาณ 5 % แต่อาจจะมีผลกระทบนิดหน่อย จากสถานการณ์ของสึนามิ และแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ชะลอ 3-4 เดือน ซึ่งจะกระทบกับรถญี่ปุ่น ที่ไม่สามารถผลิตรถได้ทันกับความต้องการของตลาด แต่ช่วงปลายปีนี้ ก็จะกลับมาเติบโตเหมือนเดิม
โดยสาเหตุที่มองว่าตลาดจะเติบโตเพียง 5 % จากฐานที่โตอยู่แล้วถือว่าเติบโตอย่างมาก ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับปีก่อนๆ ที่ฐานยังโตไม่โตอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่ไม่มากนัก
ฟอร์มูลา : จากเหตุการณ์สึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นประสบปัญหา ส่งผลอย่างไรกับ ปโรตอน หรือไม่ ?
ธวัชชัย : ช่วงที่รถญี่ปุ่นประสบปัญหาเรื่องของชิ้นส่วน ทำให้ผลิตรถได้ล่าช้านั้น ในส่วนของ ปโรตอน ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด ยอดขายเติบโตต่อเนื่อง จะมีบ้างที่ลูกค้าบางรายเปลี่ยนมาซื้อรถ ปโรตอน แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไร
ฟอร์มูลา : คุณวางทิศทางและนโยบายของ ปโรตอน ไว้อย่างไร ?
ธวัชชัย : ปัจจุบัน ปโรตอน เข้ามาทำตลาดปีที่ 4 โดยช่วงแรกตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,000 คัน และในปีที่ 3 ตั้งเป้า 5,000 คัน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับปีนี้ ตั้งเป้ามียอดขายรวม 6,000 คัน โดยจะเห็นว่ายอดขายรวมเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทแม่ที่มาเลเซียพอใจกับการทำตลาดในประเทศไทยอย่างมาก มองว่าประเทศไทยเป็นตลาดหลักในการส่งออก
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายกี่แห่ง ?
ธวัชชัย : ตัวแทนจำหน่ายมีอยู่ 45 แห่ง ตั้งเป้าภายในปี 2554 จะขยายให้ครบ 50 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งบริษัท ฯ มองว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ โดยจะรองรับไปจนถึงอีก 3 ปีข้างหน้า
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีจำนวนรถยนต์ ปโรตอน จำนวนเท่าใด ?
ธวัชชัย : ประมาณ 50,000 คัน
ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใด ปโรตอน จึงสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ?
ธวัชชัย : ตั้งแต่เริ่มทำตลาด ปโรตอน เราได้วางแผนนำรถยนต์รุ่นใหม่มาเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งการที่บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตในทุกปีนั้น ขึ้นอยู่กับพโรดัคท์ที่มี โดยปีนี้จะไม่มีสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด แต่จะเน้นไปที่การแนะนำรถรุ่นพิเศษ ส่วนในปี 2555 บริษัท ฯ ตั้งเป้าเติบโตอย่างมาก เนื่องจากจะมีพโรดัคท์ใหม่ ที่จะเข้ามาเสริมตลาดอีกหลายรุ่น
ปัจจุบัน ปโรตอนมีเพียงแค่รถเก๋ง และเอมพีวี จำหน่ายอยู่ ซึ่งยังขาดรถในไลน์ต่างๆ เช่น รถเก๋งขนาดใหญ่ เอสยูวี รถเพื่อการพาณิชย์ รถพิคอัพ เป็นต้น
บริษัท ฯ มองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยนั้น มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก โดยในแต่ละเซกเมนท์ต่างมีความต้องการในทุกกลุ่ม การบุกตลาดของ ปโรตอน ยังสามารถที่จะนำรถในเซกเมนท์ต่างๆ เข้ามาแข่งขันได้อีก
ฟอร์มูลา : คุณจะใช้กลยุทธ์ใดแข่งขันในตลาด ?
ธวัชชัย : ปีนี้ ปโรตอน ไม่มีรถรุ่นใหม่ แต่จะใช้กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างให้แก่รถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ปโรตอน เอกโซรา ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านยอดขาย ก็จะมีรุ่นพิเศษออกมาจำหน่าย หรือในรุ่นอื่นๆ จะใช้การกระตุ้นตลาดด้วยการออกแคมเปญส่งเสริมการขาย อีกอย่างหนึ่งในปีนี้ ตลาดส่วนใหญ่จะแข่งขันกันมากในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ที่ส่งผลกระทบกับบริษัท ฯ บ้าง แต่ไม่มากนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการแข่งขัน ที่จะต้องมีคู่แข่งในตลาด แต่จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ที่ผ่านมา ปโรตอน เซฟวี ได้รับผลกระทบหลังจากที่มีรถอีโคคาร์ แนะนำสู่ตลาด แต่บริษัท ฯ ได้นำ ซากา เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกสำหรับรถยนต์ราคาอีโคคาร์ แต่มีขนาดใหญ่กว่า
ส่วนในช่วงปลายปีก็จะมีรถพิคอัพรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับ ปโรตอน
ฟอร์มูลา : ปีนี้จะใช้งบประมาณการตลาดเท่าไร ?
ธวัชชัย : ปีแรกใช้งบประมาณการตลาด 90 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 200 ล้านบาท
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าจนถึงปัจจุบัน ลูกค้ามีความมั่นใจมากน้อยเพียงใด ?
ธวัชชัย : ปัจจุบันลูกค้ามั่นใจในระดับหนึ่ง หากดูในเรื่องของอะไหล่ มาเลเซียกับประเทศไทย ใกล้และถือว่าสะดวกและรวดเร็ว ตัวแทนจำหน่ายถือว่าครอบคลุมให้บริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี รูปลักษณ์ของ ปโรตอน ถือว่ามีเอกลักษณ์ สวยงาม ทันสมัย คุ้มค่าในเรื่องราคาที่เหมาะสม เนื่องจากได้สิทธิพิเศษของอาฟตา ทำให้สามารถมีราคาที่แข่งขันได้กับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ
ฟอร์มูลา : คุณมีแผนงานสำหรับการผลิตรถยนต์ ปโรตอน ในประเทศไทยหรือไม่ ?
ธวัชชัย : การผลิตในประเทศไทยไม่มีความจำเป็น เนื่องจากปัจจุบันได้สิทธิพิเศษอาฟตา ได้เปรียบเรื่องของภาษี ซึ่งสามารถที่จะส่งไปจำหน่ายที่ใดก็ได้ หากเป็นประเทศในกลุ่มอาฟตา เพราะการลงทุนผลิตรถยนต์ในแต่ละรุ่นนั้น จะต้องใช้เงินลงทุนอย่างมาก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุน
ส่วนอนาคตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากันถึงความต้องการ เช่น ในประเทศไทย รถเพื่อการพาณิชย์มียอดจำหน่ายมากกว่าในประเทศมาเลเซีย ก็อาจจะมีการผลิตในประเทศไทย แต่ในขณะนี้ยังไม่มีแผนงาน และการเจารจากันแต่อย่างใด
ฟอร์มูลา : ปโรตอน มีรถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถพิคอัพ หรือไม่ ?
ธวัชชัย : รถ ปโรตอน ส่วนใหญ่จะเป็นรถตู้ อีกอย่างหนึ่งประเทศมาเลเซีย รถเพื่อการพาณิชย์ มีส่วนแบ่งการตลาดไม่มากนัก และไม่ได้รับความนิยมเหมือนประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยรัฐบาลให้การสนับสนุนรถเพื่อการพาณิชย์ในเรื่องของภาษีที่เสียเพียง 3 % แต่สำหรับรถเก๋งจะเสียภาษีสูงกว่า ซึ่งหากภาษีเท่ากัน ตลาดก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งประเทศมาเลเซียคิดว่าภาษีเท่ากัน
ฟอร์มูลา : จนถึงปัจจุบันคุณคิดว่า ปโรตอน ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ?
ธวัชชัย : การตัดสินใจนำรถ ปโรตอน เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้คนไทยได้ใช้รถที่ดี มีคุณภาพ และราคาเหมาะสม เพราะถึงแม้ว่าในปีแรกของการทำตลาดจะประสบปัญหาจากการคาดการณ์ผิด ทำให้ลูกค้าต้องรอรถนาน และจนถึงปัจจุบัน ก็จะมีรอนานในรุ่น ซีเอนจี ซึ่งได้ขอโควทาจากประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้น แต่จนถึงปัจจุบันยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมาย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
อีกอย่างรถยนต์ ปโรตอน มีจุดเด่นเรื่องรูปลักษณ์ที่ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมทั้งระบบช่วงล่างที่พัฒนาร่วมกับ โลทัส ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่น รวมถึงด้านความคุ้มค่าที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกได้
ฟอร์มูลา : ปโรตอน สามารถแข่งขันกับรถสัญชาติอื่นๆ ได้แล้วหรือยัง ?
ธวัชชัย : ปัจจุบันรถยนต์ ปโรตอน แข่งขันกับรถญี่ปุ่นได้อย่างสบาย เห็นได้ชัดเจนจากรุ่น เอกโซรา ที่แข่งกับรถญี่ปุ่นโดยตรง ส่วนรถของประเทศจีนนั้น ยังไม่อยู่ในอาเซียนฟรีเทรด นำเข้าก็ไม่สามารถแข่งขันได้ ยกเว้นเข้ามาประกอบในประเทศ แต่การประกอบก็ต้องมีปริมาณระดับหนึ่ง ถึงจะแข่งขันกับรถญี่ปุ่นได้ เพราะญี่ปุนนอกจากจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังส่งออกด้วย ทำให้ต้นทุนต่ำ รถต่างประเทศใหม่ๆ ที่จะเข้ามาก็จะแข่งขันลำบาก จึงไม่มองเป็นคู่แข่ง เห็นได้จากปัจจุบันก็ยังไม่มีรถจีนที่จะแข่งกับ ปโรตอน
ส่วนเกาหลี ถือว่าเป็นรถยนต์ที่น่ากลัว ในหลายประเทศแข็งแรงและเติบโตอย่างมาก แต่ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเท่าไร แต่ในอนาคตถือว่าเป็นรถยนต์ที่น่ากลัว
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าอะไร คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ปโรตอน ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์เมืองไทย ?
ธวัชชัย : ปโรตอน เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และการทำตลาดของบริษัท ฯ ทำให้สินค้าเป็นที่น่าสนใจแก่ผู้บริโภค
ฟอร์มูลา : สำหรับการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปโรตอน คุณวางเป้าหมายไว้อย่างไร ?
ธวัชชัย : วางเป้าหมายให้มียอดขายเกินกว่า 10,000 คัน/ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ปโรตอน จะมีพโรดัคท์ไลน์ที่หลากหลายอย่างมาก คาดว่าจะประสบความสำเร็จในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2554