ระเบียงรถใหม่
AUDI RS3 SPORTBACK
ค่าย "สี่ห่วง" ก็เช่นเดียวกับคู่แข่งร่วมชาติอย่างค่าย "ดาวสามแฉก" และค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" คือ นอกเหนือจากรถรุ่นสามัญที่ทำขายให้แก่ลูกค้าที่ค่อนข้างจะมีสตางค์สักหน่อย แล้วยังมีรถรุ่นพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อสนองรสนิยมของผู้ชอบขับรถแรงและเร็ว และจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อมีรถคันอื่นวิ่งแซงหน้าอีก
ต่างหาก ในกรณีของค่าย "ดาวสามแฉก" รถรุ่นพิเศษที่ว่านี้ คือ รถติดรหัส เอเอมจี (AMG) ส่วนกรณีของค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" รถรุ่นพิเศษที่ทั้งแรง และเร็ว คือ รถติดรหัส เอม (M) อย่าง บีเอมดับเบิลยู 1 ซีรีส์ เอม คูเป (BMW 1 SERIES M COUPE) ที่เพิ่งผ่านตาไป แต่ในกรณีของค่าย "สี่ห่วง" รหัสที่ใช้ก็คือ อาร์เอส (RS) อย่าง เอาดี อาร์เอส 3 สปอร์ทแบค (AUDI RS3 SPORTBACK) ที่เห็นอยู่ในขณะนี้
เป็นรถแบบใหม่เอี่ยมแกะกล่องซึ่งเพิ่งออกจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยติดป้ายค่าตัว 49,900 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 2.15 ล้านบาทไทย และนับเป็นรถแรงรหัส อาร์เอส แบบที่ 2 ที่มีขายในขณะนี้ รถอีกแบบ คือ เอาดี อาร์เอส 5 คูเป (AUDI RS5 COUPE) ซึ่งออกโชว์รูมเมื่อเดือนมีนาคมปีเสือดุ
เป็นรถแฮทช์แบคขนาดเล็กที่พัฒนาจากรถรุ่นสามัญ คือ เอาดี เอ 3 สปอร์ทแบค (AUDI A3 SPORTBACK) ซึ่งอยู่ในสายการผลิตมาแล้วกว่าครึ่งทศวรรษ ออกแบบและพัฒนาโดยมีผู้พิสมัยรถเล็กแต่แรงและเร็วอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า HOTHATCH เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เครื่องยนต์ที่รีดม้าได้ถึง 340 ตัว ทำให้ไม่น่าจะมีใครขัดข้อง หากจะขนานนามรถสี่ห่วงรุ่นนี้ว่า "สุดยอดฮอทแฮทช์" เพราะกวาดสายตาไปทั่วยุโรปแล้ว หาได้ยากเหลือเกิน รถเล็กที่แรงจัดขนาดนี้ ฮอทจริงแฮทช์จริง อย่าง ฟอร์ด โฟคัส อาร์เอส 500 (FORD FOCUS RS500) ซึ่งระบุกำลังสูงสุดไว้ที่ 350 แรงม้า ก็ขายเกลี้ยงไปแล้ว เพราะจำกัดจำนวนไว้แค่ 500 คัน รถ 400 แรงม้า จากเมืองยุ่น คือ ซูบารุ คอสเวิร์ธ อิมพเรซา (SUBARU COSWORTH IMPREZA) ซึ่งผลิตแค่ 75 คัน ก็ขายหมดไปแล้วเช่นกัน ที่พอจะเทียบเคียงกันได้ก็คือรถเล็ก 340 แรงม้า บีเอมดับเบิลยู 1 ซีรีส์ เอม คูเป ที่เพิ่งผ่านตาไป แต่นั่นก็เป็นรถคูเป ไม่ใช่รถแฮทช์แบค
ตัวถังทรง 2 กล่องยาว 4.302 ม. กว้าง 1.794 ม. และสูง 1.402 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.362 พัฒนาจากตัวถังหน้าตาเหมือนกัน ซึ่งยาว 4.286 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.423 ม. ของรถ เอาดี เอ 3 สปอร์ทแบค โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมาย ทั้งในส่วนที่อยู่ภายนอกและภายในตัวถัง
แต่ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเมื่อยืนอยู่นอกรถ ตัวอย่าง เช่น การขยายช่วงล้อหน้าและล้อหลังให้กว้างขึ้น 42 และ 22 มม. การลดความสูงของแชสซีส์ลง 25 มม. การเพิ่มขนาดของจานห้ามล้อ และการเปลี่ยนชิ้นส่วนหลายชิ้นในระบบรองรับ (กันสะเทือน) ความเปลี่ยนแปลงของตัวถังภายนอกที่เห็นได้ชัดด้วยตา มีอยู่เพียงไม่กี่จุด ตัวอย่าง เช่น แผงกระจังหน้ารูปทรงเดิม แต่เปลี่ยนรายละเอียด กับช่องดักลมคู่หน้าที่หน้าตาเปลี่ยนไป
เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าก็จะพบความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ซึ่งเป็นหัวใจของรถรุ่นนี้ คือ เครื่องยนต์ เป็นเครื่องบลอคเดียวกับที่เห็นได้เช่นกันเมื่อเปิดฝากระโปรงของรถสปอร์ท เอาดี ทีที อาร์เอส (AUDI TT RS) คือ เครื่องเทอร์โบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 5 สูบเรียง 2,480 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,400-6,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร (45.9 กก.ม.) ที่ 1,600-5,300 รตน. พละกำลังจากเครื่องยนต์ที่ว่านี้ ส่งทอดสู่ล้อคู่หน้า และคู่หลัง ผ่านระบบขับทุกล้อถาวรแบบใช้ MULTI-PLATE CLUTCH และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย ที่น่าสนใจ คือ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ต่ำเพียง 9.1 ลิตร/100 กม. หรือ 11.0 กม./ลิตร และอัตราคาร์บอนไดออกไซด์ที่ไม่สูงจนเกินทน คือ อยู่ที่ระดับ 212 กรัม/กม.
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2554