ผลทดสอบต่างแดน
มาซดา 5
มาซดา 5 (MAZDA 5) รถอเนกประสงค์สไตล์มีนีแวน กำเนิดขึ้นในปี 2542 ซึ่งขณะนั้นมีชื่อรุ่นว่า ปเรมาซี (PREMACY) ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับ มาซดา 3 ออกจำหน่ายในญี่ปุ่น และส่งออกไปยังเอเชีย รวมทั้งประเทศแถบยุโรปด้วย สำหรับรุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปี 2547 ก็ยังคงใช้ชื่อ ปเรมาซี ในตลาดญี่ปุ่น แต่เวอร์ชันที่ส่งออกไปต่างประเทศเปลี่ยนชื่อเป็นรุ่น 5
โฉมใหม่ล่าสุดที่เห็นเปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา สวิทเซอร์แลนด์ เมื่อต้นปีที่แล้ว การออกแบบภายนอกแลดูปราดเปรียวขึ้น ความสูงและความกว้างของตัวรถลดลงเล็กน้อย ความยาวของตัวรถอยู่ที่ 4,590 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,600 มม. และฐานล้อยาว 2,750 มม. สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 6 คน โดยติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ทุกตำแหน่ง โครงสร้างตัวรถแบบทริพเพิล เอช ที่เป็นเหล็กมีความแข็งแกร่งสูง
นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยอีกหลายอย่าง เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว (DSC: DYNAMIC STABILITY CONTROL) ระบบทแรคชัน คอนทโรล เพื่อช่วยลดอาการหมุนฟรีของล้อ เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และเมื่อผู้ขับมีการเหยียบเบรคอย่างรวดเร็วแบบกะทันหัน ระบบจะเพิ่มแรงเบรคโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ในระยะที่สั้นลง
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีสว่างสดใส ที่นั่งแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถเลื่อนไปด้านหน้า และปรับเอนลง เพื่อการนอนพักผ่อนที่สบายในขณะเดินทางไกล หรือเป็นที่พักแรมชั่วคราว ประตูแบบสไลด์ ที่มีความยาวถึงกว่า 700 มม. เพื่อให้ผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 เข้า/ออกได้โดยสะดวก ระบบปรับอากาศเป็นแบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ พร้อมตัวกรองอากาศเพื่อเพิ่มความสะอาด สดชื่น ภายในรถ
ที่เท้าแขนระหว่างเบาะคู่หน้าให้ความนุ่มนวล สะดวกสบายในการใช้งาน ห้องบรรทุกสัมภาระด้านท้ายมีตาข่ายให้พร้อม พื้นที่บรรทุก 778 ลิตร ระบบรองรับด้านหลังแบบคอมแพคท์ มัลทิลิงค์ มีส่วนทำให้เนื้อที่ภายในห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระกว้างขวางยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์สำหรับรุ่นที่จะขายในยุโรปอิงพื้นฐานของ มาซดา 3 เป็นหลัก แต่เท่าที่เปิดเผยมา มีแต่เบนซินล้วนๆ ไม่แน่ใจว่าจะมีดีเซลตามมาขายในภายหลังหรือไม่ โดยเริ่มจาก 4 สูบ 1.8 ลิตร และ 4 สูบ 2.0 ลิตร ไดเรคท์อินเจคชัน ติดตั้งระบบ I-STOP มาให้พร้อม สุดท้ายเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร
รถคันที่นำมาทดสอบใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ที่ยืมมาจาก มาซดา 3 ให้กำลัง 157 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากเดิม 4 ตัว ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 22.5 กก.-ม. เพิ่มขึ้น 2.1 กก.-ม. ส่วนหนึ่งมาจากการติดตั้งระบบวาล์วแบบแปรผันตามการทำงานของเครื่องยนต์ ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นแต่ประหยัดเชื้อเพลิง การจ่ายเชื้อเพลิงผ่านหัวฉีดควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค เพื่อความแม่นยำ และใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ติดตั้งบาลานศ์ชาฟท์คู่ เพิ่มความนุ่มนวลและราบรื่นในการทำงานของเครื่องยนต์
ส่วนระบบถ่ายทอดกำลังจากเดิมเป็นแบบธรรมดา 5 จังหวะ เพิ่มเป็น 6 จังหวะ ส่วนรุ่นที่นำมาทดสอบเป็นแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ โดยใช้เฟืองท้ายที่มีอัตราทดต่ำลง มีผลทำให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้ 10 กม./ลิตร เราขับกันทั้งในเมือง และบนไฮเวย์ เป็นระยะทางประมาณ 2,500 กม. อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยทำได้ 8.6 กม./ลิตร
อัตราเร่งทันใจตามที่คาดไว้ จาก 0-96 กม./ชม. มาซดา 5 สามารถทำได้ในเวลาเพียง 9.1 วินาที ส่วนระยะควอร์เตอร์ไมล์ใช้เวลา 17 วินาที ที่ความเร็วปลาย 130 กม./ชม. ในขณะที่ มาซดา 5 ตัวที่แล้วทำเวลาเร็วกว่าเพียงครึ่งวินาที (แต่เป็นเกียร์ธรรมดา) โดยมีน้ำหนักรวม 1,543 กก. เบากว่าเดิมเกือบ 10 กก. มาซดา 5 เอมพีวีขนาดกะทัดรัด ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานอเนกประสงค์โดยเฉพาะ น่าจะถูกใจครอบครัวขนาดเล็ก เทคโนโลยีทั้งในด้านเครื่องยนต์ และระบบรองรับ ให้การตอบสนองการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้ใช้รถในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คุณรู้หรือไม่ ?
เบาะที่นั่งแถวที่ 2 มีความพิเศษ กับแนวคิดที่เรียกว่า คาราคูริ (KARAKURI) สามารถพับพนักพิงหลังลงมาด้านหน้า เพื่อใช้เป็นที่วางของ เช่น แก้วน้ำ อาหาร และเอกสาร ฯลฯ ทำให้ผู้โดยสารใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโดยสาร หรือการเก็บสัมภาระเล็กๆน้อยๆ
ABOUT THE AUTHOR
อ
อัฐฒา นายเรือ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2554
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน