ร่มไม้ชายศาล
"ท้อสุดๆ"
คดีนี้ชาวบ้านยากจน มีรถกระบะค่อนข้างเก่ากะเขาคันหนึ่ง โดนรถบรรทุกสิบล้อของบริษัทแห่งหนึ่งชนจนพัง มาดูสิว่าจะได้รับชดใช้หรือไม่ ต้องลุ้นแค่ไหน และน่าเห็นใจแค่ไหน
"นายท้อศักดิ์" ชื่อส่อเค้าเหมือนกันว่าจะเจอเรื่องชวนท้อใจ แกขับรถบนถนนที่เมืองไทย ซึ่งติดอันดับ 2ของโลก ในด้านอันตราย เพราะใช้สไตล์
"กูจะไปให้ได้ ใครจะเป็นจะตายกูไม่สน"
ต่างจากประเทศที่เขาเจริญ และพัฒนาแล้ว ระบบระเบียบดีแล้ว นั่งหลังพวงมาลัย ขับรถเมื่อไร ต้องมีจิตสำนึก ต้องระมัดระวัง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเสมอ ไม่ชุ่ยกี่อย่างบ้านเรา
รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ ราคาไม่หนี 3 แสนบาท ขณะที่เมืองฝรั่งขายสัก 3-4 หมื่นบาท บ้านเราแพงเพราะฤทธิ์ภาษี รีดเงินไว้ให้นักการเมืองรับประทาน เอ๊ย..บริหาร โดนรถบรรทุกสิบล้อของ "บริษัท ใหญ่โต จำกัด ชนจนพัง เจ้าตัวเจ็บสาหัส ยังดีที่ไม่ตาย
เกิดเหตุแล้ว รถของทั้ง 2 ฝ่าย ไปอยู่ที่โรงพักแล้ว มี "นายแทน" ตัวแทนของบริษัท ใหญ่โต จำกัด ถือหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งมี "นางบริหาร" เซ็นชื่อมอบอำนาจ มีสำเนาบัตรประชาชนของ นางบริหาร และนายแทน กับหนังสือรับรองของบริษัทมาแสดงต่อนายร้อยเวร เจ้าของคดี มีการเจรจาตกลงเรื่องค่ารักษาและค่าซ่อมรถกับ นายท้อศักดิ์ จ่ายเงินให้ นายท้อศักดิ์ ไป 7 หมื่นบาท รับรถบรรทุกคืน และนำรถกระบะของ นายท้อศักดิ์ ไปเพื่อจัดการซ่อม
ปรากฏว่าต่อหน้าตำรวจอย่างหนึ่ง ลับหลังตำรวจเป็นอีกอย่างหนึ่ง นายท้อศักดิ์ ไม่ได้อะไรอีกเลย รถกระบะก็ไม่ซ่อม ต้องให้ตำรวจช่วยติดตาม ได้มาแต่เครื่องยนต์สนิมขึ้น หัวเก๋งและซากรถหายไป
นายท้อศักดิ์ ต้องกัดฟันขอดเงินจ้างทนายฟ้องบริษัทเป็นจำเลย บังคับให้คืนซากรถกระบะ และชดใช้ค่าเสียหาย 3 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย
บริษัทสู้คดี ปัดความรับผิดชอบทุกอย่าง นายท้อศักดิ์ ไม่ใช่เจ้าของรถกระบะ คนขับรถไม่ได้เป็นลูกจ้าง ไม่ได้ทำการตามที่จ้าง ไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของรถบรรทุก ไม่เคยมอบอำนาจให้ใครไปเจรจาค่าเสียหาย ไม่เคยนำรถกระบะของ นายท้อศักดิ์ ไปซ่อม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินยกฟ้อง
นายท้อศักดิ์ ยากจน ไม่มีเงินทองที่จะเล่นเกมยาว จึงต้องร้องขอดำเนินคดีอนาถา ศาลเห็นว่าจนจริงจึงอนุญาต คดีได้ขึ้นศาลอุทธรณ์ แต่ท้ออีกตามเคย เพราะศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกฟ้องของ นายท้อศักดิ์ ให้บริษัทชนะคดีเช่นเดิม
สุดแสนจะท้อ ต้องกัดฟันร้องขอความเมตตาจากศาล ยื่นฎีกาอย่างอนาถา เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียมศาล ยังดีที่ศาลอนุญาต เรื่องจึงถึงศาลฎีกา และชี้ขาดออกมาว่า
เกิดเหตุขึ้นแล้ว นายแทน ไปเจรจาค่าเสียหายต่อ นายท้อศักดิ์ โดยมอบหนังสือมอบอำนาจที่มี นางบริหาร กรรมการของบริษัทลงลายมือชื่อ พร้อมหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ให้แก่ร้อยเวรเจ้าของคดี จึงเป็นหลักฐานให้เห็นว่า นางบริหาร ทำในนามบริษัท แม้ไม่ได้ประทับตราบริษัท แต่การที่ นายแทน ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ นายท้อศักดิ์ 7 หมื่นบาท และรับรถกระบะเพื่อนำไปซ่อม ทั้งยังรับรถบรรทุกสิบล้อคืนไปจากโรงพัก และบริษัทไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับรถบรรทุกไว้
ตามพฤติการณ์ถือว่า บริษัทเชิดนางบริหารเป็นตัวแทนในการตกลงค่าเสียหาย แม้ นางบริหาร ไม่ได้ทำด้วยตนเอง แต่มอบอำนาจให้ นายแทน ทำแทน บริษัทจึงต้องรับผิด บันทึกที่โรงพัก ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความอีกด้วย นายท้อศักดิ์ ฟ้องคดีนี้ได้
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ บังคับให้บริษัทจ่ายเงินแก่ นายท้อศักดิ์ 2 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี นับแต่ปี 2542 จนกว่าจะจ่ายเสร็จ
ไม่ทราบเหมือนกันว่า นายท้อศักดิ์ ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า บริษัทที่ตกเป็นจำเลยยังมีตัวตนอยู่หรือเปล่า เพราะกว่าศาลฎีกาจะตัดสินเสร็จ ปาเข้าไปตั้ง 10 กว่าปี เป็นอย่างน้อย จึงจะรู้ว่าหมู่หรือจ่า
ครับความแคล้วคลาดไม่มีเรื่องนั้นดีที่สุด ระมัดระวังในการใช้รถนั้น ดีที่สุด มีเรื่องขึ้นมา จะได้รับชดใช้จากผู้ที่ก่อเหตุ ไม่ใช่เรื่องง่าย มันน่าท้อใจอย่างคดีของ นายท้อศักดิ์ เกิดขึ้นมากมายในบ้านเมืองเรา และผมยังมองไม่เห็นทางว่า จะมีการแก้ไขจัดการให้ทันท่วงทีได้อย่างไร
นี่คือประเทศไทยนะครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7802/2552
ABOUT THE AUTHOR
&
"จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2554
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล