ชีวิตอิสระ
ปาย เมืองอิสระ ที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ปาย เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของแม่ฮ่องสอน ที่งดงามด้วยทัศนียภาพที่โอบล้อมด้วยขุนเขา และบรรยากาศของธรรมชาติที่สุดแสนสมบูรณ์แบบ จนโด่งดังและใช้เป็นโลเคชันในการถ่ายทำภาพยนตร์แนวโรแมนทิค คอเมอดี สร้างชื่อเสียง ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
การเดินทางบนทางหลวงหมายเลข 1095 แม่มาลัย-ปาย มีสภาพเส้นทางที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ก็ยังได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติข้างทางจนลืมความเหน็ดเหนื่อย ผ่านทางโค้งทั้งหมด 752 โค้งเป็นที่เรียบร้อย ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค ดับเบิลแคบ 4x4 ยังรับหน้าที่พาผมและทีมงานมายังเมือง ปายได้อย่างสบายๆ ไม่ติดขัดและงอแงจากการใช้งานมาอย่างหนัก ส่วนผู้ที่รับหน้าที่เป็นพลขับนั้นคือ ผมเอง เนื่องจากจำเป็นต้องจดจำสภาพเส้นทางและจุดสังเกตต่างๆ เพื่อนำกลับมาเขียนบันทึกให้กับนักเดินทางได้ทราบข้อมูล เพื่อตามรอยกันต่อไป
หลายคนที่เคยใช้เส้นทางนี้ต่างโจษจันถึงความยากลำบากในการเดินทาง ยิ่งถ้ามาในฤดูฝนยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนอกจากการใช้สายตาที่ต้องมองทางโค้งเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งภัยธรรมชาติอย่างโคลนที่ถล่มลงมาจากไหล่เขา ทำให้เส้นทางขาดในบางช่วงบางตอน ถ้าตั้งตัวไม่ทันก็อาจเกิดอันตรายต่อการเดินทางได้
หน้าที่ที่เปลี่ยนแปลง
หลังจากที่พิชิตทางโค้งทั้ง 752 โค้งเป็นที่เรียบร้อย ก็มุ่งหน้าเข้าสู่มืองปาย ผมวาดฝันไว้มากมายว่า หากมาที่นี่คงได้สัมผัสถึงความอิสระ ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ผู้คนพื้นเมืองที่ให้การต้อนรับ และยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมให้บริการอาคันตุกะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โชคยังเข้าข้างนิดๆ เพราะวันที่เดินทางไปถึงนั้นเป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวจึงไม่หนาตาสักเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกในตอนนี้มันทำให้ผม ผิดแผน เพราะแทนที่จะได้สัมผัสกับความงดงามและบรรยากาศของเมืองคลาสสิคนั้นผิดถนัด สิ่งที่คาดหวังไว้ กลับกลายเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ
ย่างก้าวแรกที่ลงมาจากรถ ผมสัมผัสได้ว่าเมืองอิสระท่ามกลางป่าเขาแห่งนี้ถูกแปรเปลี่ยนตามสภาพการขยายตัวของธุรกิจที่มีเงินเป็นตัวกลาง ร้านค้าและร้านอาหารมากมายเกือบเต็มพื้นที่ ถูกดำเนินกิจการจากคนนอกพื้นที่ทั้งหมด ทำให้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ไม่มีหลงเหลือร่องรอยของคนพื้นเมือง มีก็แต่นักลงทุนต่างถิ่นที่หอบหิ้วเงินทุนมาเก็บเกี่ยวกำไรจากที่นี่ วันนี้หน้าที่ของเมืองอยู่อาศัย กลับกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว หากใครจะเรียกว่าเมืองนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น สินค้าทางวัฒนธรรม ก็คงไม่ผิดสักนิด
สวรรค์ของแบคแพคเคอร์
อาคันตุกะที่เดินทางมาที่นี่มักเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก ในสไตล์ของแบคแพคเคอร์ ที่มีเป้ใบใหญ่สะพายหลัง ไม่ต่างจากเกาะสมุย หรือเกาะพงัน ที่จะมีคนพวกนี้อยู่ทั่วทุกมุมเมือนักเดินทางชาวไทยจะมีน้อยมาก หรืออาจเป็นเพราะเริ่มที่จะเบื่อกับสภาพของเมืองแห่งนี้ไปเสียแล้ว
ตึกรามบ้านช่องเป็นจุดขายอีกอย่างที่ผู้มาเยือนไม่ควรมองข้าม ด้วยความคลาสิคที่เติมแต่งตึกรามบ้านช่องให้มีความร่วมสมัย จนกลายเป็นเสน่ห์ (ปลอมๆ) ที่สร้างเพื่อให้นักเดินทางได้แวะดื่มด่ำและกดชัทเตอร์เป็นภาพสวยๆ เก็บไว้แทนความทรงจำ
หากเป็นช่วงที่ตรงกับฤดูท่องเที่ยว ประมาณเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ นักเดินทางจะแวะมาพักในเมืองเล็กๆ แห่งนี้จนแน่นขนัด ร้านอาหารที่เปิดรองรับไม่มีพอที่จะให้ฝากท้อง เนื่องจากพื้นที่นั้นจำกัด จนต้องขยายตัวไปตามไหล่เขา แต่หากมีโอกาสลองแวะไปชิมที่ร้าน ขนมจีนนั่งยอง ที่บรรยากาศแบบชาวบ้านนั่งยองๆ ทานกับพื้น ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
การคมนาคมก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวของสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไป หากเป็นช่วงท่องเที่ยว เมืองแห่งนี้ไม่อนุญาตให้รถยนต์ทุกชนิดเข้ามาในพื้นที่ได้ เนื่องจากความแออัดนั่นเอง สภาพการเช่นนี้จึงเหมาะสำหรับการขับขี่รถจักรยานยนต์เสียส่วนใหญ่ โดยสามารถหาเช่าได้ตามร้านทั่วไป สนนราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 150-500 บาท
ส่วนเรื่องของที่พัก เมืองปายนั้นมีให้เลือกหลากหลาย สำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสอากาศหนาวเย็นแนะนำให้กางเทนท์ โดยจะมีจุดกางเทนท์อยู่ทั่วบริเวณ ส่วนโรงแรมและบังกะโลนั้นต้องเลือกสรรกันหน่อย เพราะที่นี่เปิดต้อนรับชาวต่างชาติที่ต้องการพักแบบโฮมสเตย์เสียส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบริการห้องพักที่มีราคาค่าเช่าต่ำสุดเพียงไม่เกิน 400 บาท แต่หากอยากนอนแบบหรูๆ ทั่วบริเวณจะมีที่พักตั้งแต่ระดับ 2-5 ดาว ซึ่งช่วงเทศกาลท่องเที่ยวนั้น ราคาจะปรับขึ้นสูงตามสภาพ ในส่วนของโรงแรม 5 ดาวนั้นแพงสุดถึงคืนละ 8,000 บาทเลยทีเดียว
ดื่มด่ำธรรมชาติ รอบเมืองปาย
นอกจากในตัวเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่นี่ยังมีความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้สร้างไว้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านสันติไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมไทย-ยูนนาน และเป็นบ้านพักของชาวจีนอพยพอีกกว่า 400 หลัง พิเศษตรงมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยวที่ทำจากดินทั้งหลัง และยังมีชิงช้าแบบของคนจีนในยุคอดีตให้ลองแกว่งไกวอีกด้วย เลยเข้าไปในด้านในจะมี น้ำตกแพมบก ที่สามารถแบ่งได้ถึง 3 ชั้น มีความสูงลดหลั่นกันไป ส่วนที่สูงสุดบนน้ำตกชั้นแรกจะสูงถึง 50 ม. หรือหากย้อนกลับไปที่เส้นทางเดิมก็จะพบกับ กองแลน ที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ มีลักษณะเป็นรอยแยกของแผ่นดินคล้ายกับแพะเมืองผี สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดน่าน รวมถึง สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ที่ได้นำชิ้นส่วนของสะพานนวรัฐเดิม จ. เชียงใหม่ มาทำการก่อสร้างใหม่โดยคนพื้นเมืองตั้งแต่ปี 2519 แล้วใช้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการเดินทางในทริพนี้ ผมขอชื่นชมธรรมชาติรอบๆ เมืองปาย ที่มีเสน่ห์เหนือกว่าใจกลางเมือง ซึ่งวุ่นวายไปเสียแล้ว ส่วนในฉบับหน้าผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นจับใจพร้อมกับแหล่ง ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในฤดูหนาว แต่จะเป็นที่ไหนนั้น ต้องคอยติดตาม
ที่กิน+ที่พัก
อาหารการกินของเมืองปายที่ผมพยายามตระเวนหานั้น ไม่มีอาหารพื้นเมืองเลยสักร้าน จะมีก็แต่ร้านอาหารธรรมดาที่มีรายการอาหารแบบร้านตามสั่ง หรือไม่ก็พวกที่เปิดไว้บริการชาวต่างชาติในรูปแบบของร้านฟาสต์ฟูด ที่แปลกและแหวกแนวต้องยกนิ้วให้กับ ขนมจีนนั่งยอง ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางเมืองรสชาติจัดจ้านถูกปากชาวไทย
ที่พักของเมืองปายจะมีตั้งแต่ห้องพักแบบเกสต์เฮาส์ และโฮมสเตย์ ไปจนถึงบังกะโล และโรงแรมระดับ 5 ดาว สนนราคาของการบริการที่พักต่อคืน เริ่มตั้งแต่ 250-8,000 บาท
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณัฐเทพ เผ่าจินดา
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)