โลกติดล้อ
นิสสัน รักสิ่งแวดล้อม
อย่าทำเป็นเล่นกับเรื่องสิ่งแวดล้อม อย่าเสี่ยงไม่สนใจหากคุณเป็นองค์กรใหญ่ เพราะคุณจะถูกจับจ้องมองดู
ยิ่งคุณเป็นธุรกิจใหญ่ การผลิตของคุณใช้ทรัพยากร ใช้พลังงานมาก และเป็นตัวการให้โลกร้อน
คุณจึงต้องลดผลกระทบที่มีต่อโลก ถือเป็นความรับผิดชอบที่ไม่ต้องมีใครบอก
เมื่อแต่ละบริษัทรถยนต์คิดว่า เราจะทำอะไรดีที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบนี้ คำตอบก็จะมีต่างๆ กัน บ้างก็ลดวัสดุ บ้างก็นำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ บ้างก็หาวิธีใช้พลังงานให้ประหยัด บ้างก็สร้างรถที่ใช้น้ำมันน้อยลง และนำไฟฟ้ามาสลับใช้
นิสสัน เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีไอเดียแปลกสำหรับการดูแลสิ่งแวดล้อม นิสสัน เลือกที่จะทำโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และกำลังเสร็จสิ้นลง ให้เป็นโรงงาน ซึ่งใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
โรงงาน นิสสัน ราคา 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ย้ายออกจากที่เดิมมาไกล 32 กม. จากที่เคยอยู่ในอาคารสูงที่แนชวิลล์ มาที่แคมปัส ซึ่งมีเนื้อที่ 126.45 ไร่ ทางส่วนล่างของแคลิฟอร์เนียใต้ แทนที่จะเป็นตึกสูง ก็เป็นอาคารราบ เพื่อสื่อไปยังผู้ใช้รถทั้งรถเก๋ง และรถกระบะของ นิสสัน รู้ว่า นิสสัน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โรงงานแห่งนี้เป็นรูปตัว S สูง 10 ชั้น จะเปิดใช้งานในเดือนมิถุนายน 2551 และจะมีพนักงานประมาณ 1,500 คน ปีนี้ นิสสัน ในสหรัฐอเมริกา มียอดขายเพิ่มขึ้น 4.5 % คิดเป็นจำนวนรถยนต์ที่ขายไปถึงมากกว่า 1 ล้านคัน และในปี 2550 มีส่วนแบ่งการตลาด 6.6 %
โรงงานแห่งนี้ วิศวกรของ นิสสัน ได้จัดทำอุปกรณ์ต่างๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยการลดพลังงาน เป็นอาคารที่ใช้กระจก เพื่อให้แสงเข้ามาได้ เป็นการประหยัดค่าไฟ และมีระบบ "LIGHT HARVESTING SYSTEM" ประดุจภาพยนตร์ SCI-FI ระบบนี้จะหรี่ไฟ หรือดับไฟภายในสำนักงานซึ่งมีเนื้อที่ 152,000 ตารางเมตร ด้านนอกมีหลังคาบังแสงอาทิตย์ ทำหน้าที่สะท้อนแสง โดยมีคอมพิวเตอร์ตัดแสงอาทิตย์ที่ส่องตรงเข้ามา เพื่อลดแสงจ้า และความร้อนซึ่งหนักหนาสาหัสเอาการฤดูร้อนในแถบแคลิฟอร์เนียใต้ ใครๆ ก็รู้ว่าเซนทรัลแอร์ (ไม่ใช่ยี่ห้อเครื่องปรับอากาศ) เป็นตัวเปลืองไฟในอาคารสำนักงาน นอกจากนี้ก็ยังมีฮีเตอร์ในหน้าหนาว นิสสัน ประหยัดพลังงานด้วยวิธีการแยกแอร์ และฮีเตอร์ในแต่ละเวิร์คสเตชัน ตรงไหนมีคนทำงานค่อยเปิด ตรงไหนไม่มีคนทำงานไม่เปิด แบบนี้ประหยัดไฟได้หลายรอบ ทไรน์แฮม ผู้อำนวยการฝ่ายบริการองค์กรบอกว่า แอร์มีไว้ทำให้คนเย็น ไม่ใช่ไว้ให้ที่ว่างๆ เย็น เขาพูดของเขาเข้าท่า
วิศวกรของ นิสสัน บอกว่าอาคารใหม่หลังนี้ของ นิสสัน ควรจะใช้พลังงานน้อยลงกว่าอาคารที่ออกแบบเดิมๆ ถึง 35 % เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟไปเท่าไร ทาง นิสสัน ไม่ได้บอก และอ้างว่าค่าไฟนั้นขึ้นๆ ลงๆ
จึงไม่ทราบจริงๆ ว่าเงินที่ประหยัดค่าไฟ กับเงินที่ลงทุนสร้างอุปกรณ์ต่างๆ คุ้มกันหรือไม่
อาคาร นิสสัน แห่งใหม่ยังถูกออกแบบให้ใกล้ชิดธรรมชาติ และสร้างความรื่นรมย์ให้แก่ผู้ที่ทำงานอยู่ในนั้น มองออกไปจะเห็นต้นไม้เขียวขจี ผิดกับโรงงานรถยนต์แถวนิคมอุตสาหกรรมในบ้านเรา ที่รอบข้างมีแต่คอนกรีท นิสสัน สร้างอาคารสำนักงานแห่งนี้ในพื้นที่ชุ่มน้ำหรือที่เรียกว่า WETLAND และ นิสสัน ได้ใช้พื้นที่ 6.32 ไร่ ปลูกป่ากันขนานใหญ่ เอาพันธุ์ไม้พื้นเมืองจากเทนเนสซี เป็นพันๆ ต้น เช่น ต้น ไอริส บัตตันบุช และรัชเชส มาปลูกจนเขียวขจีน่ารื่นรมย์
นิสสัน คงชวนใครต่อใครมาเยี่ยมชมศูนย์แห่งใหม่นี้ด้วยความภาคภูมิใจ
มองไปที่ไหนก็เขียวไปหมด นอกจากตรงที่จอดรถซึ่งอยู่ที่ปลายข้างหนึ่งของอาคารซึ่งมีความยาว 100กว่าเมตร
เดวิด โคล ประธานของศูนย์วิจัยเกี่ยวกับยานยนต์ที่ แอนน์ อาร์เบอร์ มิชิแกน บอกว่าบริษัทรถยนต์ต่างก็ชิงกันแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าตนเองเป็นบริษัทรถยนต์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ไอเดียของ นิสสัน เป็นไอเดียที่ดีและไม่เหมือนใคร น่าจะได้รับความสนใจ และกล่าวขวัญถึงกันบ่อยๆ
ในกรณีของนิสสัน ได้ลงทุนเป็นจำนวนมากไม่เฉพาะกับตัวอาคารเท่านั้น และไม่ได้ไปขอให้องค์กรอย่าง US GREEN BUILDING COUNCIL มาออกประกาศนียบัตรรับรองว่าอาคารของ นิสสันเป็นอาคารที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นิสสัน กลับเอาเงินไปลงทุนอย่างจริงจังกับการปลูกป่าในพื้นที่ชุ่มน้ำ มากกว่าจะต้องการโล่สักอันมาตั้งอวดไว้ที่สำนักงาน
ผู้เขียนกำลังนึกถึงความรู้สึกเดียวกันนี้ ที่มีกับโรงงานปูนซีเมนต์นครหลวงในเมืองไทย ซึ่งเคยได้ไปเยี่ยมเยือนมา เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่เขียวขจี ลดความรู้สึกแข็งกระด้างของความเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ และยังได้ความชุ่มชื้นจากต้นไม้ ดูดซับฝุ่นปูนได้อย่างเห็นผลชะงัด
พูดถึงนิสสัน ทำไมมาจบที่โรงงานปูน ได้ก็ไม่รู้
ABOUT THE AUTHOR
เ
เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : โลกติดล้อ