ไฮโดรเจน หนึ่งในพลังงานอุดมคติของมนุษยชาติ เป็นทางเลือกในอนาคตที่โดดเด่น สำหรับการใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลล้วนๆ ด้วยการเผาไหม้ที่หมดจด ทำให้มันสะอาด สิ่งที่คายออกมาทางท่อไอเสียจะมีเพียงไอน้ำ นั่นแหละ...ที่ทำให้มันกลายเป็นพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง   ไฮโดรเจน มีข้อดีอีกอย่างคือ “หาง่าย” สามารถสกัดได้จากเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ, แกสธรรมชาติ หรือแม้กระทั่ง ถ่านหิน นอกจากนี้ยังเป็นเชื้อเพลิงที่หาได้จากกระบวนการเคมี ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าในการแยกสลาย (ELECTROLYSIS)   บีเอมดับเบิลยู ได้ให้ความสนใจในการพัฒนาเครื่องยนต์ ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน มาตั้งแต่ปี 1978 ในขณะนั้น ยังไม่มีค่ายไหนจริงจังกับการพัฒนาเชื้อเพลิงชนิดนี้ จนปี 2000 บีเอมดับเบิลยู ได้เปิดตัวรถ 750 เอชแอล (750HL) ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนขับเคลื่อน และสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่ บีเอมดับเบิลยู ทำ เคยเป็นเพียงแค่ความฝันของมนุษย์โลกเท่านั้น   หลังจากนั้น บีเอมดับเบิลยู ได้เปิดตัวรุ่น เอชทูอาร์ (H2R) ในปี 2005 พร้อมสร้างสถิติใหม่ ด้วยการเป็นรถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ด้วยสถิติ 300 กม./ชม. และสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6 วินาที ถือว่าเป็นการเปิดประตูสู่การพัฒนาที่กว้างขวางต่อไป นอกจากนี้ การพัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในรถยนต์ของ บีเอมดับเบิลยู ยังมีความซับซ้อนน้อยกว่าการใช้พลังงานไฟฟ้า หรือการนำไฮโดรเจน ไปผลิตพลังงานไฟฟ้าเสียอีก   หลักการทำงานของมัน คล้ายกับการใช้แกสในเครื่องยนต์เบนซิน รูปแบบการขับเคลื่อน ใช้เครื่องยนต์เบนซินเป็นหลัก แต่สามารถเปลี่ยนไปใช้ไฮโดรเจนได้ ด้วยดูอัล-โหมด ดไรฟ (DUAL-MODE DRIVE) และการติดตั้งหัวฉีดพิเศษ สำหรับฉีดที่ท่อร่วมไอดี   ในเวลาต่อมา รถรุ่น ไฮโดรเจน 7 ที่ บีเอมดับเบิลยู พัฒนาเพื่อใช้กับรถยนต์นั่งระดับหรู เครื่องยนต์ให้กำลังออกมาที่ 260 แรงม้า พร้อมทั้งแรงบิด 53.92 กก.-ม. สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.   เรื่องความปลอดภัย เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล เพราะไฮโดรเจนมีอันตรายสูงหากรั่วไหล ถังบรรจุไฮโดรเจนเหลว ขนาด 8 กิโลกรัม ตัวถังผลิตจากสเตนเลสส์ปลอดสนิม 2 ชั้น แต่ละชั้นหนา 2 มิลลิเมตร ระหว่างผนังทั้ง 2 ชั้น จะเป็นสุญญากาศแทรกอยู่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นฉนวน เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนระหว่างแกสภายในถัง กับอุณหภูมิแวดล้อมภายนอก ทั้งยังออกแบบมาเพื่อรองรับกรณีไฟไหม้ ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายรุนแรงสูงสุด   เมื่อขับเคลื่อน ไฮโดรเจนเหลว 8 กิโลกรัม จะสามารถเดินทางได้ถึง 200 กิโลเมตร โดยไม่มีมลพิษออกจากท่อไอเสียแม้แต่น้อย ระยะแรกของการพัฒนา มีปัญหาคือ เรื่องของสถานีบริการ ซึ่งในเยอรมนี (ขณะนั้น) มีเพียง 2 แห่ง   จากการพัฒนาของ บีเอมดับเบิลยู นี่เอง ทำให้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป ได้หันมาจับมือร่วมกันพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงอย่างจริงจัง เพราะเหล่าวิศวกรต่างเล็งเห็นแล้วว่า ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงที่หาง่าย และไม่มีวันหมดไปจากโลก นับจากนี้ เราจะได้เห็นการพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อย่างแข็งขัน โดยเฉพาะกับบ้านเรา ที่เพิ่งจะเริ่มตื่นตัว หลังจากที่ทั่วโลกเขาเริ่มกันมานานแล้ว !