เจาะสนามแข่ง
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2007 สนามที่ 10-11
เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้ว สำหรับการแข่งขัน แรลลีชิงแชมพ์โลก 2007 ครั้งนี้ถึงคิวยกพลมาแข่งขันที่ประเทศเยอรมนี เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตเบียร์ และยังเป็น 1 ใน 2 รายการของปีที่แข่งกันบนเส้นทางราดยาง ใช้ความเร็วได้สูง เพราะรถสามารถยึดเกาะกับถนนประเภทนี้ได้ดีกว่าถนนแบบอื่นๆ ที่สำคัญ เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) นักแข่งสัญชาติฝรั่งเศส สามารถคว้าแชมพ์ที่นี่ได้ถึง 5 สมัยติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2002-2006 ซึ่งในปีนี้ โลบ์ ยังมีคะแนนสะสมรวมตามหลัง มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) คู่ปรับจากทีม ฟอร์ด อยู่ 13 แต้ม จึงถือเป็นโอกาสที่สำคัญของ โลบ์ ที่จะทำคะแนนตีตื้นขึ้นมา
บรรยากาศในเลกแรก เริ่มต้นอย่างสุดคึกคัก ด้วยสีสันจากบรรดากองเชียร์ที่แห่เข้ามาชมกว่า 55,000 คน พร้อมกับนักแข่งที่มุ่งมั่นจะทำเวลาให้ดีที่สุด การแข่งขันในวันแรก แบ่งออกเป็น 6 สเตจ ซึ่งผลการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลง และพลิกลอคกันแทบจะทุกสเตจ อีกทั้งยังมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักในสเตจที่ 3 ทั้งๆ ที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้มีรถแข่งหมุนออกนอกถนนไปหลายคัน เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนยางสำหรับวิ่งบนถนนเปียก
จบเลกแรก ผลการแข่งขันผิดคาด หลังจาก ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVALl) ม้ามืดจากทีมอิสระ ที่ควบรถ ซีตรอง ซารา เข้าเส้นชัยวันแรกด้วยเวลารวมเป็นที่ 1 ตามหลังมาด้วยตัวเต็งอย่าง โลบ์ ที่ทำเวลาช้ากว่าเพียง 1.7 วินาที อันดับ 3 เป็นของ โกร์นโฮล์ม นักแข่งจากทีม ฟอร์ด
"หลังจากที่ฝนตกในช่วงสเตจที่ 3 ผมและทีมงานกะว่า ถนนจะเปียกมากในอีก 3 สเตจที่เหลือ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น ทำให้เราเลือกใช้ยางผิดอีกครั้ง และเสียเวลามากขึ้นไปอีก" โลบ์ กล่าวหลังจากที่เพิ่งจะเสียตำแหน่งผู้นำให้แก่ ดือวาล ในสเตจสุดท้าย
เลกที่ 2 ประสบการณ์ และความใจเย็นเป็นข้อได้เปรียบ หลังจากที่ ดือวาล โชว์ฟอร์มร้อนแรงทำเวลาดีที่สุดในวันแรก กลับต้องเจอแรงกดดันจากกองเชียร์ที่แห่เข้ามาชมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1 แสนคน โดย ดือวาล ขับผิดพลาดเองบ่อยครั้ง รวมถึงยังทำรถหมุนคว้างไปหลายตลบ โชคดีที่ยังสามารถกลับเข้ามาแข่งขันต่อได้ ขณะที่ โลบ์ อาศัยความเก๋าและโอกาสนี้ ทำเวลาตีตื้นจนขึ้นมาเป็นผู้นำได้สำเร็จ เช่นเดียวกับคู่ปรับคนสำคัญอย่าง โกร์นโฮล์ม ที่ทำเวลาไล่ตีตื้นขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้สำเร็จ ทิ้ง ดือวาล ให้ร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 แทน ด้วยเวลาตามหลัง โลบ์ เกือบ 38 วินาที
ในวันสุดท้าย ยังเหลือให้แข่งขันอีก 5 สเตจ ใน 4 สเตจแรก ผลการแข่งขันไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนถึง สเตจที่ 5 สเตจสุดท้าย โกร์นโฮล์ม นักขับมือเก๋า ขับรถ ฟอร์ด พลาดท่าตกถนนไปเอง จนช่วงล่างเสียหายหลายจุด โชคดีที่ยังกลับขึ้นมาขับต่อได้ แต่ก็เสียเวลาไปเกือบ 1 นาทีครึ่ง และก็ไม่มีเวลาเหลือพอให้แก้ตัว
จบการแข่งขัน โลบ์ คว้าแชมพ์ที่สนามนี้ได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน รับ 10 คะแนนเต็ม ขณะที่ ดือวาล รับส้มหล่นจากความผิดพลาดของ โกร์นโฮล์ม ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มิคโค ฮีร์โวเนน (MIKKO HIRVONEN) จากทีม ฟอร์ด ที่ขับได้คงเส้นคงวา ด้าน โกร์นโฮล์ม ที่พลาดเองต้องร่วงลงไปรั้งอันดับ 4 อย่างน่าเสียดาย
แรลลีชิงแชมพ์โลก สนามที่ 11
ระเบิดศึกในแดนกีวี
สนามที่ 11 ประเทศนิวซีแลนด์ รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ถือเป็นไฮไลท์ประจำปีเลยก็ว่าได้ ด้วยภูมิประเทศที่มีความสวยงาม สภาพถนนที่เป็นทางกรวด สามารถใช้ความเร็วได้สูง เหมาะกับการแข่งขันแรลลี และคนท้องถิ่นที่มีความสนใจ และกระตือรือร้นกับการแข่งขันมากเป็นพิเศษ
สนามนี้ โกร์นโฮล์ม นักขับรุ่นเก๋าจากทีม ฟอร์ด ถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะตัวเต็ง เนื่องจากในฤดูกาลนี้ เขาสามารถทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษกับสภาพถนนแบบนี้ ที่ผ่านมา โกร์นโฮล์ม สามารถคว้าแชมพ์ที่นี่ได้ 4 ครั้ง ในปี 2000, 2002-2003 และ 2006
การแข่งขัน 2 สเตจแรก การเลือกใช้ยางกลายเป็นประเด็นสำคัญ เพราะหากเลือกใช้ยางแบบแข็ง รถจะไม่เกาะถนน และลื่นไถลได้ง่าย แต่หากเลือกใช้ยางเนื้ออ่อนไป หน้ายางจะสึกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตอนเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ผลก็คือ รถจะไม่เกาะถนน ในที่สุดทั้ง โกร์นโฮล์ม และโลบ์ ตัดสินใจใช้ยางเนื้ออ่อน และขับแบบระมัดระวังมากขึ้น
ด้าน เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) ขับรุ่นเก๋าทีม ซูบารุ ฤดูกาลนี้ทำผลงานได้ไม่ดีนัก กลับต้องเจอปัญหาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของรถ ที่ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่สนามที่แล้ว จนมาถึงสนามนี้ ทีมเซอร์วิศไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้ โซลเบร์ก ต้องขับ อิมพเรซา เพียงแค่ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แทนที่จะเป็น 4 ล้อ การแข่งขันในเลกที่ 2 และ3 ไฮไลท์ยังอยู่ที่การขับเคี่ยวกันอย่างหนักระหว่าง โลบ์ และโกร์นโฮล์ม โดยในวันที่ 2 โลบ์ สามารถทำเวลาตีตื้นแซงหน้า โกร์นโฮล์ม ได้สำเร็จ แต่ในวันสุดท้าย โลบ์ กลับขับพลาดเองบ่อยครั้งจนเสียตำแหน่งผู้นำให้แก่คู่ปรับคนสำคัญอีกครั้ง
จบการแข่งขัน โกร์นโฮล์ม สามารถคว้าแชมพ์ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5 ขณะที่ โลบ์ทำได้เพียงแค่รองแชมพ์ ส่วนอันดับ 3 เป็นของรถอีกคันของทีม ฟอร์ด ที่ขับโดย ฮีร์โวเนน เข้าเส้นชัยด้วยเวลาตามหลังผู้นำ 1 นาที 42.8 วินาที
จากผลการแข่งขันในครั้งนี้ ส่งผลให้ คะแนนสะสมรวมของ โกร์นโฮล์ม ขยับขึ้นไปเป็น 90 คะแนน ทิ้งห่าง โลบ์ ที่มี 80 แต้ม ขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 5 สนาม ส่วน ฮีร์โวเนน ที่ได้รับเพิ่มอีก 6 คะแนน ทำให้มีคะแนนสะสมขยับขึ้นมาเป็น 69 คะแนน
ด้านคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต รถทุกคันของทีม บีพี-ฟอร์ด ดับเบิลยูอาร์ที (BP-FORD WRT) ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คะแนนรวมของทีมพุ่งขึ้นไปเป็น 159 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 ทีม ซีตรอง โททาล ดับเบิลยูอาร์ที (CITROEN TOTAL WRT) ที่มี 113 คะแนน ด้านทีม ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์ที ที่ยังมีปัญหาเรื่องการเซทอัพรถ มี 60 แต้ม มากกว่าทีม สโตบาร์ท เอม-สปอร์ท ฟอร์ด อาร์ที (STOBART M-SPORT FORD RT) อยู่ 5 คะแนน
[table] สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนามที่ 11 ประจำปี 2007 ประเภทผู้ขับ
อันดับ, ผู้ขับ, คะแนนรวม
ชนะเลิศ, มาร์คุส โกร์นโฮล์ม, 90
รองอันดับ 1, เซบัสเตียง โลบ์, 80
รองอันดับ 2, มิคโค ฮีร์โวเนน, 69 [/table]
[table] สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนามที่ 11 ประจำปี 2007 ประเภททีมผู้ผลิต
อันดับ, ทีม, คะแนนรวม
ชนะเลิศ, บีพี-ฟอร์ด, ดับเบิลยูอาร์ที 159
รองอันดับ 1, ซีตรอง โททาล ดับเบิลยูอาร์ที, 113
รองอันดับ 2, ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์ที, 60 [/table]
ABOUT THE AUTHOR
ส
สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : เจาะสนามแข่ง