ชิว ชิว...ยามเย็น เดินเล่นตลาดน้ำอัมพวา

บ่ายวันเสาร์ เรามาถึงอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆฝนเหมาะแก่การเดินตลาดน้ำยามเย็นเสียจริง ในคลองอัมพวา บริเวณถนนเลียบนที (อ่านว่าเลียบ-นะ-ที) เต็มไปด้วยเรือแจวของพ่อค้าแม่ขาย ช่วงเวลาแห่งความคึกคักครื้นเครงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมคลองที่ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรสงคราม สถานที่อยู่ติดกับวัดอัมพวัน เจติยาราม เปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ของขายหลากหลาย ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม โดยพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ จะเป็นชาวบ้านละแวกนั้น บนถนนเลียบนที แน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินขวักไขว้ สองฝั่งคลองเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย ใครมาที่นี่เป็นครั้งแรก จะตื่นตาตื่นใจกับร้านขายขนมมากมายทั้งสองฟากทางเดิน ดูน่ากินไปเสียหมด แม้แต่บนราวสะพาน ผู้คนคับคั่ง เดินไม่ได้ จนกลายเป็น"คนติด" เพราะต่างหยุดยืนบนสะพานเพื่อมองลงมาดูว่า พ่อค้าแม่ค้าเขานำอะไรมาขายกันบ้างหรืออาจหยุดคิดว่า "จะกินอะไรดี" ของกินที่นี่ มีให้เลือกสารพัด ที่นิยมกัน ก็เช่น ปลาหมึกปิ้งตัวโตๆ พร้อมน้ำจิ้มรสแซบ กุ้งอบวุ้นเส้น ข้าวราดแกง หรือแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวหมูแบบโบราณ ชื่ออาหารอาจไม่ต่างจากที่อื่น แต่รสชาติแบบชาวบ้านๆ กับบรรยากาศย้อนยุค ทำให้ความรู้สึกเมื่อรับรสแตกต่างกัน พ่อค้าแม่ค้าบนเรือ ต้องมีอย่างน้อยสองคน คนหนึ่งจัดอาหาร อีกคนรับ/ทอนเงิน และตะโกนถามประมาณว่า "รับอะไรดีคะ ของอร่อยๆ อยู่ทางนี้" ใครได้ยิน มักจะมองตามเสียงว่าขายอะไรเอ่ย ระหว่างทางเดินในตลาดน้ำ มีที่นั่งพักดื่มกาแฟโบราณอยู่หลายเจ้า บางคนอารมณ์ศิลปินหน่อยก็จะหยิบอุปกรณ์วาดรูปคู่ใจ มานั่งวาดวิวทิวทัศน์เป็นที่ระลึก แทนการถ่ายภาพ เมื่อเดินรับประทานกันจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาสำคัญของการมาเยือนอำเภออัมพวาหน้าฝน นั่นคือการนั่งเรือชมหิ่งห้อยบริเวณ "คลองผีหลอก" ที่ตลาดมีเรือไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวหลายเจ้าในราคาแค่คนละ 60 บาท หรือถ้าจะเหมาลำไปก็ได้ ราคาเที่ยวละ...บาท ก่อนค่ำคืน หกโมงครึ่ง ได้เวลาออกเรือ ฟ้าครึ้ม ฝนมาแต่ไกล เรารีบออกเดินทางทันที มีบ้านเก่าสวยๆ ริมน้ำมากมาย บรรยากาศระหว่างทาง ช่างเงียบสงบ เราเห็นชาวบ้านนั่งซักผ้ากันริมท่าน้ำ เด็กเล็กๆ กระโดดน้ำเล่นตูมตาม อย่างมีความสุข เมื่อเข้าสู่คลองผีหลอก ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท ทุกสายตาบนเรือ จับจ้องไปที่ต้นลำพูริมตลิ่ง เรือชะลอเข้าใกล้ เพื่อให้เรามองเห็นหิ่งห้อยได้อย่างชัดเจน เริ่มจากแสงวิบวับเพียงแค่ตัวสองตัวแล้วก็เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น จนพราวพร่างไปทั้งต้นลำพู แต่ความสวยงามของแสงหิ่งห้อยที่เราเห็นกลับกลายเป็นเรื่องเศร้า เมื่อได้ยินเรื่องราวของมัน เพราะเมื่อหิ่งห้อยเปล่งแสงเต็มที่ มันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น แถมเมื่อเราจะยกกล้องขึ้นถ่ายรูป ฝนก็เทกระหน่ำ จึงไม่ได้ภาพมาฝากกัน เมื่อเราย้อนกลับมายังตลาดน้ำ บรรยากาศยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก ที่นี่ฝนไม่ตก ผู้คนหลั่งไหลมาอย่างเนืองแน่น แน่นอนว่าวิถีชาวบ้านย่อมต่างไปจากเดิม สองทุ่มก็แยกย้ายกันไปนอน บ้านใครบ้านมันแล้ว เช้าตรู่ วันรุ่งขึ้น เราแวะไป ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ชื่ออำเภอเดียวกับชื่อตลาด จังหวัดราชบุรีที่ขึ้นชื่อมานาน ที่นี่ยังมีเรือจอดขายของเรียงรายยาวเป็นร้อยเมตรเหมือนเดิม สมัยก่อนต้องรีบไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก แต่เช้ามืด เพราะถ้าสายเกิน 8 โมงเช้า ตลาดจะวายแม่ค้าเก็บของ เลิกขายหมด แต่ปัจจุบัน ตลาดจะวายประมาณเที่ยง-บ่าย เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว ตลาดน้ำยามเย็น ในอดีต เมืองอัมพวา เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม มีตลาดน้ำขนาดใหญ่ และชุมชนริมน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยการพัฒนาการของคมนาคมทางบก ส่งผลให้ความเป็นศูนย์กลาง ฯ ของอัมพวาสูญหายไป ตลาดน้ำก็ค่อยๆ ลดความสำคัญและสูญหายไปในที่สุด ทิ้งไว้แต่ร่องรอยของความเจริญในอดีต ที่ยังคงปรากฎให้เห็นในทุกวันนี้ กระทั่ง เทศบาลตำบล โดยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในท้องถิ่น ได้ฟื้นฟูตลาดอัมพวาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อสืบสานความเป็นอยู่ของชุมชนริมน้ำให้สืบทอดต่อไป โดยใช้ชื่อว่า"ตลาดน้ำยามเย็น" รถยนต์ : มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน แอลที สถานที่ : ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม/ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด/บ้านนวลจันทร์โฮมสเตย์