ชีวิตอิสระ
มุกดาหาร
ทั้งชาวไทยและลาวที่กำลังเดินขวักไขว่ข้ามมาจากฝั่งลาว ตรงหน้าด่านบริเวณเชิงสะพานข้าม
แม่น้ำโขง แห่งที่ 2 ผมเห็นการหยอกเอิน เสียงพูดจาภาษาถิ่นเคล้าเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่ว
ทำให้พอรู้ว่า ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง ผู้คนที่นี่ยังรื่นเริง ทั้งยังไม่เคยแล้งน้ำใจแห่งมิตรภาพที่มีต่อกัน
สะพานแห่งมิตรภาพ...
เวลา 16.30 น. บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ บ่งบอกสัญญาณว่าจะผ่านพ้นวันเวลา เพื่อเข้าสู่ราตรีกาล
ผมและคณะได้มีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยว จ. มุกดาหาร เพื่อมาชมความแตกต่างของวิถีชีวิตผู้คนที่นี่หลังจากการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 จ. มุกดาหาร ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางขนส่ง เชื่อมโยงจาก เมืองดานัง เวียดนาม ข้ามแม่น้ำโขงที่แขวงสะหวันนะเขต สปป. ลาว ต่อมายังมุกดาหาร และผ่านไปยังตะวันตกที่ชายแดนไทย-พม่า ที่ อ. แม่สอด และเมืองเมียวดี ไปสิ้นสุดที่ เมืองมะละแหม่ง ของพม่า
สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านสงเปือย ต. บางไทรใหญ่ ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ 7 กม.
โดยสะพานนี้ข้ามแม่น้ำโขงไปลงที่ บ้านนาแก เมืองคันทะบูลี ซึ่งอยู่ห่างจากแขวงสะหวันนะเขตไปทาง
ทิศเหนือประมาณ 5 กม. เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2549
รูปแบบสะพานเป็นสะพานคอนกรีท 2 ช่องจราจร ผิวจราจรกว้าง 8 ม. ไหล่ทางข้างละ 1.5 ม. มีความยาวทั้งสิ้น 2,702 ม.
ด้วยความสนใจใคร่รู้ ผมเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำด่าน
ถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางผ่านเข้าไปยังฝั่งลาว ซึ่งในการเดินทางข้ามสะพาน ฯ
จะต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศเท่านั้น ไป/กลับวันละ 16 เที่ยว ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ค่าโดยสารคนละ 45 บาท โดยฝั่งไทยจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน ส่วน สปป. ลาว จะมีการจัดเก็บในเรื่อง หนังสือเดินทาง (PASSPORT) วันธรรมดา 20 บาท วันหยุด 40 บาท หนังสือผ่านแดน (BORDERPASS และ TEMPORARY BORDERPASS) วันธรรมดา 50 บาท วันหยุด 100 บาท
ขณะที่เรายืนพูดคุยกันอยู่นั้น รถโดยสารประจำทางที่จะข้ามไปยังฝั่งลาวเที่ยวสุดท้ายของวันนี้
ก็มาจอดตรงบริเวณหน้าด่านพอดี ทำให้การสนทนาต้องยุติลง เพราะเจ้าหน้าที่ต้องกลับไปทำงาน พี่น้องชาวลาว รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างทยอยลงมาจากรถเพื่อที่จะประทับตราผ่านแดน
เสียงพูดคุยสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวดังอื้ออึงอย่างเป็นกันเอง เหมือนพี่น้องกัน
ช่วยให้บรรยากาศที่รุ่มร้อนกลับรื่นรมย์อย่างเห็นได้ชัด
ผมเดินเลี่ยงผู้คนออกมาข้างนอก
พร้อมกับนึกถึงภาพสะพานแห่งนี้ในอนาคตว่าถ้าแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจ
เป็นไปตามโครงการที่วางไว้ ที่นี่คงคึกคักไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ
เศรษฐกิจที่นี่คงจะเฟื่องฟูไม่ใช่น้อย
เราเดินทางกลับมายังตัวเมืองมุกดาหารเพื่อหาที่พักเอาแรง
เพราะในวันรุ่งขึ้นยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เรา
จะต้องไปค้นหา
อัศจรรย์ใจที่...ผาเทิบ
เช้าวันใหม่ เราเติมพลังกันด้วยโจ๊กร้อนๆ บริเวณตลาด ใกล้ๆ กับสำนักการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ก่อนที่จะเดินทางมุ่งหน้าสู่ "อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ" โดยใช้เส้นทางมุกดาหาร-ดอนตาล
(ทางหลวงหมายเลข 2034) แยกเข้าทางขวามืออีกประมาณ 2 กม. ก็มาถึงที่ทำการอุทยาน ฯ
บรรยากาศของวันนี้ดูคึกคักไปด้วยบรรดาเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา
ทำให้การเดินทางครั้งนี้เราได้เพื่อนร่วมทางเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทราย ประกอบด้วย เทือกเขาน้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันแบบลูกคลื่น และเป็นส่วนปลายของเทือกเขาภูพาน เทือกเขาเหล่านี้วางตัวในลักษณะแนวเหนือ-ใต้ ขนานและห่างจากชายฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 4 กม. ภายในอุทยาน ฯ ประกอบด้วย ภูหมากยาง ภูมโน ภูโปร่ง ภูรัง ภูจอมนาง ภูหมากมี่ ภูผาเทิบ ภูนางหงส์ ภูถ้ำพระ ภูหลักเส และยอดเขาสูงสุด คือ ยอดภูจอมศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 170-420 ม. สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าไม้เต็งรัง และป่าเบญจพรรณ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยหลายสาย เช่น ห้วยตาเหลือก ห้วยสิงห์ ห้วยเรือ ห้วยมะเล ห้วยช้างชน เป็นต้น และแถบบริเวณเชิงเขาเป็นป่าไผ่ขึ้นสลับเป็นแนว หลายบริเวณเป็นหน้าผาสูงและลานหินกว้าง มีหินรูปร่างแปลกๆ มากมาย
ผมและคณะทำตัวให้กลืนกับกลุ่มเด็กๆ เพื่อฟังข้อมูลจากวิทยากรที่คอยแนะนำลักษณะรูปหินต่างๆ
โดยจุดแรกเป็น "กลุ่มหินเทิบ" การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เกิดจากการกัดเซาะของฝน
น้ำ ลม และแสงแดด ผ่านกาลเวลามาถึง 95-120 ล้านปี ทำให้กลุ่มหินเหล่านี้มีสภาพแตกต่างกันไปดูคล้ายรูปไอพ่น จานบิน เก๋งจีน มงกุฎ หัวจระเข้ และหอยสังฃ์ ซึ่งความคงทนของชั้นหินที่แตกต่างกันก็เนื่อง
จากการประสานของเนื้อทรายแตกต่างกัน หินทรายชั้นบนที่คงทนมีสีเนื้อหินเป็นสีน้ำตาล
มีส่วนประกอบที่เป็นซิลิคาและเม็ดกรวดมาก ส่วนหินทรายชั้นต่ำลงมาที่ไม่คงทนมีสีของเนื้อหินเป็นสีขาว
จะมีส่วนผสมของคาร์บอเนทมาก
สภาพทางธรณีวิทยา บริเวณกลุ่มหินเทิบ ประกอบด้วย หินชั้นของหมวดหินเสาขัว และกลุ่มหินภูพาน
ของกลุ่มหินโคราช มีการลำดับชั้นหินอยู่ในยุคมีโซโซอิค ประกอบด้วย หิน โคลน ทราย หินทรายแป้ง
และหินกรวดมนหนาประมาณ 200 ม.
ขณะที่ผมกำลังตั้งอกตั้งใจฟังอยู่นั้นน้องนักเรียนก็ตั้งใจฟังและจดข้อมูลกันใหญ่ ไม่แพ้ผมเลย
จากกลุ่มหินเทิบ เราเดินลัดเลาะไปตามช่องหินรูปร่างต่างๆ จนไปถึง "ลานมุจลินท์" เป็นลานหินเรียบ
ทอดยาวกว้างไกลต่อจากกลุ่มหินเทิบ โดยมีป่าเต็งรังแคระล้อมรอบ ให้ความงดงามกลมกลืนกับธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง มีพันธุ์ไม้พุ่มจำพวกข่อยหิน นางฟ้าจำแลง อ้นเหลือง และกระโดนดาน ณ กลางลานแห่งนี้ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพแม่น้ำโขงได้ด้วย
เราใช้เวลาชื่นชมประติมากรรมธรรมชาติกันพักใหญ่ก็เดินฝ่าเปลวแดดที่เพิ่มองศาขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อกลับออกมายังที่ทำการอุทยาน ฯ ระหว่างที่พักเหนื่อย ผมเดินชมผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของกลุ่มแม่บ้านในย่านนี้ เป็นผลิตภัณฑ์จักสานจากสายรัดของพลาสติค และยังเป็นสินค้า OTOP ที่มีสีสันสวยงาม อาทิ
กระเป๋า ตะกร้า กล่องใส่ทิชชู ฯลฯ หลังจากได้ของฝากติดไม้ติดมือกันคนละชิ้นสองชิ้น เราก็อำลาพวกเด็กๆ แล้วเดินทางต่อ
สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน
จากอุทยาน ฯ ภูผาเทิบ เรามุ่งหน้าสู่บ้านสองคอน ต. ป่งขาม อ. หว้านใหญ่
อยู่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหาร ประมาณ 40 กม. โดยจากมุกดาหารขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 212 (มุกดาหาร-นครพนม) ไปทางนครพนม ถึงหลัก กม. ที่ 28 แยกขวาที่บ้านสองคอน ตรงไปยังริมแม่น้ำโขง ประมาณ 12 กม.
"สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน" เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539
มีบริเวณกว้างขวางและมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง ภายในมีหุ่นขี้ผึ้งของนักบุญราศีทั้งเจ็ด ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า
ตามประวัติเล่าว่า ในปี คศ. 1940 (พศ. 2483) ได้เกิดกรณีพิพาทเรื่องดินแดนระหว่างประเทศไทย กับ
ประเทศอินโดจีนของฝรั่งเศส มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นว่าศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส เพราะ
พระสงฆ์ที่เผยแผ่ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ฉะนั้นบุคคลใดที่นับถือศาสนาคริสต์จึงถูก
ประณามว่าเป็นผู้ทรยศต่อชาติอยู่ฝ่ายฝรั่งเศส จำต้องทิ้งศาสนา การเบียดเบียนศาสนาคริสต์จึงได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหมู่บ้านสองคอน บุคคลที่นับถือศาสนาคริสต์ถูกบังคับให้ละทิ้งศาสนา
แต่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบด้วย ครูฟิลิป สีฟอง อ่อนพิทักษ์, ซิสเตอร์อักเนส พิลา ทิพย์สุข, ซิสเตอร์ลูซีอา คำบาง สีคำฟอง, อากาทา พุดทา ว่องไว, ซีซีลีอา ขุดสี ว่องไว, บีบีอานา คำไพ ว่องไว และมารีอา พร ว่องไว รวม 7 ท่านของพระศาสนจักร ได้รับการประกาศจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ขึ้นเป็นบุญราศี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม คศ. 1989/พศ. 2532
ในวันที่ 22 ตุลาคมของทุกปี จะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึกถึงการสถาปนาแต่งตั้ง "บุญราศีมรณสักขี"
และในวันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี จะมีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน
ย่ำค่ำที่ตลาดอินโดจีน
ผมนั่งทอดอารมณ์ไปกับสายน้ำริมฝั่งลำน้ำโขงในยามเย็น ท่ามกลางผู้คนที่ยังคงคึกคักบริเวณตลาดอินโดจีน ซึ่งตลาดแห่งนี้เปรียบเสมือนศูนย์การค้าที่ใหญ่ในแถบภูมิภาคอินโดจีน ที่นี่จึงเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาอุดหนุนสินค้ากันไม่แพ้ที่ใดๆ ในประเทศ มีสินค้าให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเฉพาะฤดูกาล ที่สำคัญราคาย่อมเยา ต่อรองกันได้
สินค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน เป็นต้น
แถบยุโรปตะวันออกก็มี เช่น ฝรั่งเศส สินค้าที่น่าสนใจในตลาดอินโดจีน ได้แก่ เครื่องเซรามิค ประเภทแก้ว ถ้วยชาม และตุ๊กตาอิริยาบถต่างๆ เหมาะสำหรับซื้อไปเป็นของฝากหรือของสะสม นอกจากนั้นยังมีชุดรับแขกด้วยมุก เครื่องเงิน เครื่องหนัง ผ้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาทิ ผ้าหมี่ ผ้าไหม และเครื่องดนตรีประเภท แคน ขลุ่ย พิณ โปงลาง สินค้าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นงานฝีมือที่ทรงคุณค่า ให้ความรู้สึกถึงวัฒนธรรมที่ยาวนานของคนอีสาน
ผมนึกถึงภาพในอนาคตของที่นี่ เมืองมุกดาหารอาจไม่ได้เป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ อีกต่อไป
สะพานที่เชื่อมโยงอินโดจีนจะนำพาความเจริญมั่งคั่งมาสู่ที่นี่มากน้อยเพียงใด ? ผู้คนที่นี่จะมีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร ? และสิ่งที่ต้องแลกกับความเจริญนั้นคืออะไร ? ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรายังต้องรอดูกันต่อไป
ข้ามสะพานเที่ยวสะหวันนะเขต
ต้องเตรียมอะไรบ้าง ?
1. หนังสือเดินทาง (PASSPORT) ติดต่อได้ที่กระทรวงการต่างประเทศ
2. หนังสือผ่านแดนชั่วคราว (TEMPORARY BORDERPASS) ชนิดใช้ครั้งเดียว (ไป/กลับ) มีภูมิลำเนา
อยู่ในจังหวัดใดก็ได้ เดินทางได้ 3 วัน 2 คืน สามารถดำเนินการได้ที่อาคารท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จ. มุกดาหาร ที่ทำการบริษัท ขนส่ง จำกัด ภายในอาคารสถานีผู้โดยสาร จ. มุกดาหาร
เชิงสะพานมิตรภาพ ฯ
แห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต และศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
เอกสารหลักฐานประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว
ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ จำนวน 2 รูป ค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราวจำนวน 30
บาท
3. หรือหนังสือผ่านแดน (BORDERPASS) ชนิดเล่ม ต้องมีภูมิลำเนาในเขตจังหวัดมุกดาหารเท่านั้น
ซึ่งสามารถดำเนินการได้ที่ อาคารท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จ. มุกดาหาร
และศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
หลักฐานประกอบคำขอประกอบด้วย รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
ค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือผ่านแดนจำนวน 200 บาท ผู้ติดตามที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากบิดา-มารดา ก่อนจึงจะได้รับอนุญาต
รถยนต์ส่วนบุคคล
- เจ้าของรถต้องจัดทำหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศและติดเครื่องหมายแสดงประเทศไว้ที่รถ
ติดต่อทำได้ที่ สนง. ขนส่งจังหวัดที่จดทะเบียน หรือที่ สนง. ขนส่ง จ. มุกดาหาร
- ต้องจัดทำเอกสารประกันภัยรถยนต์ที่ด่านพรมแดนแขวงสะหวันนะเขต
- ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของประเทศคู่ภาคี (ไทย-ลาว) และฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ
ติดต่อขอทำได้ที่ สนง. ขนส่งจังหวัดที่มีภูมิลำเนา (ฉบับแปลทำได้ที่ สนง. ขนส่ง จ. มุกดาหาร)
- หากมิใช่เจ้าของรถผู้ขับขี่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้นำรถออกนอกประเทศไทยได้
-
เดินทางท่องเที่ยวลักษณะกลุ่มทัวร์ต้องติดต่อขอรับอนุญาตผ่านบริษัทการท่องเที่ยวในแขวงสะหวันนะ
เขต ตามข้อบังคับของ สปป. ลาวผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนต้องมีหนังสือเดินทางหรือหนังสือผ่านแดน ติดต่อ สนง. ขนส่ง จ. มุกดาหาร
โทร. (042) 611-421
ข้อมูลการเดินทาง
รถยนต์ : มุกดาหารอยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ 642 กม. ใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-สระบุรี-
นครราชสีมา-
อ. บ้านไผ่-มหาสารคาม-อ. โพนทอง จ. ร้อยเอ็ด-อ. คำชะอี จ. มุกดาหาร หรือเส้นทางกรุงเทพ ฯ-
สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2) เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 207 ที่บ้านวัด ผ่าน
อ. ประทาย
อ. พุทไธสง อ. พยัคฆภูมิพิสัย-อ. เกษตรวิสัย-อ. สุวรรณภูมิ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2169
ผ่านทรายมูล
อ. กุดชุม อ. เลิงนกทา แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 212 ผ่าน อ. นิคมคำสร้อย สู่ จ. มุกดาหาร
รถไฟ : มีรถด่วน รถเร็ว และรถด่วนพิเศษสพรินเตอร์ กรุงเทพ ฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน
จากนั้นต่อรถโดยสาร
ไปยัง จ. มุกดาหาร ระยะทางประมาณ 167 กม.
รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่หน่วยบริการเดินทาง
การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020 หรือ www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง : บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ทุกวัน
โทร. 0-2936-2852-66 นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางเชื่อมระหว่างมุกดาหารและจังหวัดอื่นๆ
ในภาคอีสาน อาทิ จ. ขอนแก่น จ. อุบลราชธานี จ. นครพนม จ. สกลนคร จ. อุดรธานี และ จ.
มหาสารคาม กำหนดเวลาและรายละเอียดสอบถามได้ที่ สถานีขนส่ง จ. มุกดาหาร โทร. (042) 611-
421, 611-478,
613-025-9 หรือ www.transport.co.th
ขอขอบคุณ บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการเดินทาง
ที่พัก ที่กิน
ทรัพย์มุกดา แกรนด์ โฮเทล
ที่ตั้ง 72 ถ. สมุทรศักดารักษ์ ต. มุกดาหาร อ. เมือง จ. มุกดาหาร 49000
บรรยากาศ ห้องพักสะอาด ติดตลาดอินโดจีน ใกล้แม่น้ำโขง
ราคา 400-1,500 บาท/คืน
ติดต่อ (042) 633-444, 633-555 โทรสาร (042) 612-666
ที่กิน
หัสวรรษก้อยดึก สาขา 1
ที่ตั้ง อ. เมือง จ. มุกดาหาร
บรรยากาศ อิ่มอร่อยกับอาหารอีสาน หลากหลายเมนู เช่น ลาบเป็ด ก้อยเนื้อ ย่างเสือร้องไห้
ต้มแซบเอ็นแก้ว อ่อมม่ามวัว ต้มเครื่องใน ปลาเผา ยำคอหมูย่าง ฯลฯ
ติดต่อ 08-7490-7848, 08-3339-0153
พิกัด จีพีเอส (ภาพ E)
01 N16.54023 E 104.72448
02 N16.43469 E 104.80584
03 N16.49975 E 104.72900
04 N16.77515 E 104.73721
05 N16.60167 E 104.72474
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา/ศิธา เธียรถาวรคอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)