รู้ไว้ใช่ว่า
ไกด์อิสระ
การทำมาค้าขาย หมายถึงการหาสตางค์ด้วยการนำ "สินค้า" ต่างๆ ตั้งแต่สินค้าบริการไปจนถึงข้าวของน้อยใหญ่ออกมาขายให้ชาวบ้านชาวช่องเพื่อหากำไรในยุคนี้ หนีไม่พ้นเรื่อง "โฆษณา" จะมากจะน้อยต้องดิ้นรนโฆษณาให้ได้
รถยนต์ก็เช่นกัน กลายเป็นสินค้าที่ต้องโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีคู่แข่งยิ่งต้องกัดฟันโฆษณาไม่ให้ขาด อย่างเช่น รถกระบะซึ่งกลายเป็นรถยอดนิยมในบ้านเรา ขณะที่บางประเทศแทบไม่เห็นอยู่บนถนน เช่น ปากีสถาน หรือบรูไน เป็นต้น หากมองจากบ้านเราไม่คิดว่าจะเป็นยังงั้นได้ ในเมื่อบ้านเราวิ่งกันขวักไขว่
คดีนี้น่าสนใจไม่น้อย เป็นเรื่องของไกด์ทำหน้าที่พานักท่องเที่ยวออกทัวร์ในบ้านเรา แล้วมีประเด็นให้ศาลฟันธงว่า เป็น "ลูกจ้าง" ของบริษัททัวร์หรือเปล่า เรื่องราวเป็นยังไงตามไปดูได้เลย
ไกด์สาวรายนี้ชื่อว่า "นส. ไปดี" ตอนเกิดเรื่อง ทำหน้าที่ไกด์หรือมัคคุเทศก์ เธออ้างว่าหลังสุด บริษัทผู้ว่าจ้างให้เงินเดือนเป็นหมื่น วันนั้นเธอพาลูกทัวร์ ซึ่งมีทั้งหนุ่มแก่ไม่ใช่เด็กๆ จากสถานีรถไฟวังโพไปกินกลางวันที่ท่าเสา อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี ถึงคราวซวยรถตู้ที่นั่งมาประสบอุบัติเหตุตกเหวนส. ไปดี เกือบจะได้ไปเกิดใหม่ บาดเจ็บสาหัส รักษาอยู่นานจนหายเกือบเป็นปกติทำงานให้บริษัทได้แล้ว
อ้าว ! ซวยซ้ำสอง บริษัทเลิกจ้างปุ๊บปั๊บไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่จ่ายอะไรเลย จึงโต๋เต๋ไปที่ศาลแรงงานยื่นฟ้องเป็นคดีนี้ อ้างว่าเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ไม่บอกกันก่อน บังคับให้จ่ายค่าจ้างที่ค้าง รวม 10 เดือน เป็นเงิน 100,000 บาท ค่าชดเชย 60,000 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 10,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15/ปี
"บริษัท ทัวร์สนุกมาก จำกัด" ซึ่งเป็นจำเลยตั้งป้อมสู้คดี ให้การว่า นส. ไปดี ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัท แต่มารับจ้างเฉพาะกิจทำหน้าที่มัคคุเทศก์อิสระ ได้ค่าจ้างเฉพาะวันที่ทำงานวันละ 600 บาท การทำงานเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา เข้าข่ายการจ้างทำของ ถ้าวันไหนนส. ไปดี ไม่สามารถมาทำงานก็ไม่ต้องเขียนใบลา ไม่ได้มีกรณีเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม บริษัท ฯ ลอยลำไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ขอให้ยกฟ้อง ศาลแรงงานกลาง ตัดสินว่า
นส. ไปดี รับจ้างทำงานเป็นไกด์อิสระ กำหนดวันทำงานไม่แน่นอน ค่าจ้างขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของงานแต่ละครั้ง ไม่มาทำงานก็ไม่ได้ค่าจ้างของวันนั้น ไม่มีกำหนดวันหยุด วันลา ไม่มีสวัสดิการ บริษัท ฯไม่เคยหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากค่าจ้าง การทำงานจะต้องทำให้เป็นผลสำเร็จ คือนำนักท่องเที่ยวไปตามตารางทัวร์ที่บริษัท ฯ กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ใช้รถตู้หรือรถบัสเป็นอุปกรณ์นำเที่ยวที่บริษัท ฯ มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในทางการค้าของจำเลย มีค่าใช้จ่ายเกิดจากการปฏิบัติงานของ นส. ไปดีบริษัท ฯ รับผิดชอบ นส. ไปดี จึงไม่ใช่ลูกจ้าง ให้ยกฟ้อง
นส. ไปดี ไม่ยอมวางมือ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเล็งดูแล้ว ฟันธงออกมาว่า
คดีมีปัญหาต้องชี้ชัดว่า นส. ไปดี เป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า นส. ไปดี และบริษัททัวร์สนุกมาก จำกัด จะเป็นลูกจ้างและนายจ้างกันหรือไม่ นอกจากจะดูว่ามีความสัมพันธ์กันตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 575 และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พศ. 2541 มาตรา 5 แล้ว ต้องได้ความด้วยว่า นส. ไปดี อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ซึ่งต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท ฯ เมื่อได้ความชัดตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ แสดงว่า นส. ไปดี มีอิสระในการทำงาน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่ต้องทำตามคำสั่ง ระเบียบ หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท ฯ
นิติสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงมิใช่การจ้างแรงงาน หรือเป็นลูกจ้างและนายจ้าง ตามกฎหมายศาลแรงงานกลางตัดสินแม่นแล้ว
พิพากษายืน
สรุปแล้วบรรดาไกด์ชาย/หญิงที่นั่งรถนั่งเรือพาลูกทัวร์ของบริษัทตะลอนๆ ไปโน่นไปนี่เพื่อหาเงินนั้นถ้าความสัมพันธ์กับบริษัททัวร์ เป็นไปดังเช่นที่ศาลท่านชี้ออกมา ก็ฟันธงได้เลยว่า ไม่ใช่ลูกจ้างนายจ้าง
ไกด์ที่มีอันต้องตกงานกะทันหัน จึงเรียกร้องเงินทองจากบริษัททัวร์เขาไม่ได้ ฟ้องร้องก็เหนื่อยเปล่าดังเช่น นส. ไปดี นั่นละ
ครับ เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อนเข้าใจง่ายๆ อยู่หรอก เผื่อมีเหตุเกิดขึ้น อย่าได้ค้าความให้มันเมื่อยตุ้ม อย่าเอาอย่างนักการเมือง ซึ่งคำก็อาสาสองคำก็อาสามารับใช้ประชาชนรับใช้ชาติบ้านเมือง แต่ตั้งหน้าฟัดกันฟ้องร้องกันนัวเนีย น่าเบื่อน้อยที่สุด ยังไงต้องช่วยกันจดจำไว้ อย่าให้หลุดเข้าไปในสภาอีกเลย
พาวกเข้าหาเรื่องการมงการเมืองได้ยังไงวุ้ยเรา...
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6067/2545
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า