เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้เปิดตัวรถแนวคิด คันใหม่ล่าสุดในงานสัมมนา "นวัตกรรมล่าสุดของ ไดมเลร์ ไครสเลอร์" ที่กรุงวอชิงทัน ดีซี สหรัฐอเมริกาครั้งนี้ถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่ในการออกแบบรถยนต์ โดยการใช้แม่แบบจากสิ่งมีชีวิต (BIONIC) ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย ทั้งด้านการลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการลดมลพิษ ด้วยการใช้เทคโนโลยีล่าสุดนำมาใช้ในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล และควบคุมปริมาณมลพิษ ทีมวิศวกรที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ เทคโนโลยี เซนเตอร์ แอนด์ เธอะ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ รีเสิร์ช ดีพาร์ทเมนท์ (MERCEDES-BENZ TECHNOLOGY CENTRE AND THE DAIMLER CHRYSLER RESEARCH DEPARTMENT) ได้ทำการค้นคว้ารูปทรงใหม่ของรถโดยการลอกเลียนแบบสิ่งมีชีวิตของ บอกซ์ฟิช (BOXFISH) ซึ่งเป็นปลาในตระกูลปลาปักเป้า ทั้งด้านรูปทรง และโครงสร้างเพื่อให้เป็นรถที่มีคุณสมบัติลู่ลม ปลอดภัย สะดวกสบาย และกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม แม้ว่า บอกซ์ฟิช จะมีรูปทรงเหลี่ยมคล้ายกล่องลูกบาศก์ แต่มีความคล่องตัวสูง เมื่ออยู่ในน้ำเป็นรูปทรงที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานน้ำต่ำ ซึ่งให้ผลเช่นเดียวกันกับหลักการด้านอากาศพลศาสตร์ของยานยนต์ ในเบื้องต้นทีมวิศวกร ได้สร้างรูปจำลองของ บอกซ์ฟิช เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่อุโมงค์ลม ที่ศูนย์ทดสอบในเมืองชตุทท์การ์ท (STUTTGART) ประเทศเยอรมนีซึ่งพบว่ารูปทรงของปลา ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.06 จากนั้นผู้เชี่ยวชาญได้ทำการปั้นหุ่นจำลองดินสัดส่วน 1:4 โดยมีรูปทรงที่ใกล้เคียงกับรถยนต์มากขึ้น โดยทำการแก้ไขให้มีรูปทรงของรถยนต์ที่พร้อมสำหรับการใช้งานบนท้องถนน และประโยชน์ใช้สอย สามารถให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.095 ซึ่งนับว่าประสบผลสำเร็จไม่น้อย เพราะรูปทรงนี้ให้สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานพอๆ กับรถที่มีรูปทรงเพรียวบางลู่ลม หรือเป็นรถที่ออกแบบขึ้นโดยใช้หลักการด้านอากาศพลศาสตร์อื่น ต่อมา ไดมเลร์ ไครสเลอร์ ได้นำหลักการนี้สร้างรถจำลองรูปทรงของปลาขึ้น เท่าของจริงโดยมีขนาดที่อยู่ในกลุ่มของรถคอมแพคท์ ที่มีความยาวตัวรถ 4.24 ม. ภายในห้องโดยสารสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 4 คน พร้อมสัมภาระ และเมื่อนำไปวัดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานในอุโมงค์ลมได้ตัวเลขออกมาที่ 0.19 ซึ่งนับว่าให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่โดดเด่นมากในกลุ่มรถคอมแพคท์ขนาดเดียวกัน นอกจากการออกแบบรูปทรงของปลา ที่ให้ผลด้านอากาศพลศาสตร์ และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษแล้ว ไดมเลร์ ไครสเลอร์ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล แบบฉีดตรงด้วยเทคโนโลยี SCR (SELECTIVE CATALYTIC REDUCTION) ที่ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้าอีกทั้งมีค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าค่ารถยนต์ทั่วไป เมื่อมีการปรับแต่งเครื่องยนต์ตามมาตรฐานควบคุมไอเสียของ EU แล้ว พบว่าเครื่องนี้ให้ค่าความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 4.3 ลิตร/100 กม. ซึ่งทำได้ดีกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 20 % และเมื่อใช้มาตรฐานควบคุมไอเสียของสหรัฐ ฯ (FTP 75) สามารถทำความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ 70 ไมล์/ยูเอสแกลลอน ซึ่งมีค่าความสิ้นเปลืองดีกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 30 % และในการทดสอบที่ความเร็วคงที่ 90 กม./ชม. ตามมาตรฐาน EU เครื่องยนต์นี้ให้ความสิ้นเปลืองได้ถึง 2.8 ลิตร/100 กม. ส่วนมาตรฐาน US สามารถทำได้ 84 ไมล์/แกลลอน ไดมเลร์ ไครสเลอร์ ทำการทดสอบเทคโนโลยี SCR ในทุกพื้นที่ทั่วโลก โดยใช้สาร ADBLUE มีเป้าหมายในการลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในกระบวนการสันดาป ทั้งยังมีผลให้ปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียลดลงถึง 80 % อีกด้วย หากประสบผลสำเร็จ เมร์เซเดส-เบนซ์ จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลในอนาคตอย่างแน่นอน สาร "ADBLUE" ที่ใช้จะถูกเก็บอยู่ในถังสำรอง ซึ่งติดตั้งอยู่ในช่องเก็บยางอะไหล่ โดยสารจะถูกฉีดลงในระบบไอเสีย ซึ่งจะแปรผันตามข้อมูลที่ได้รับจากเซนเซอร์วัดสถานะการทำงานของเครื่องยนต์ ADBLUE จะทำหน้าที่เปลี่ยนไนโตรเจนออกไซด์ เป็นไนโตรเจน และน้ำไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม นอกจากนั้น เครื่องยนต์ใหม่นี้ยังใช้ชิ้นส่วนของระบบกรองอากาศที่ไม่ต้องดูแล ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดการใช้อะไหล่สิ้นเปลืองลงไปอีก โครงสร้างของรถแนวคิดคันนี้เป็นการแสดงถึงการใช้รูปทรงของสิ่งมีชีวิตมาเป็นพื้นฐานในการผลิตรถยนต์ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งความแข็งแกร่ง น้ำหนักเบา และสามารถปกป้องผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากผลการค้นคว้าของ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ สามารถนำมาใช้ในการผลิตยานยนต์ที่นำโครงสร้างมาจากสิ่งมีชีวิต ด้วยโพรแกรมคำนวณที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ โดยมีพื้นฐานจากผิวของ บอกซ์ฟิช ที่มีรูปทรงโครงสร้างของกระดูกที่แข็งแกร่ง ทำให้ผิวภายนอกตัวรถมีความแข็งแกร่งมากขึ้น 40 % เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป นอกจากนั้นแล้วโครงสร้างชนิดนี้ยังสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 1 ใน 3 โดยมีความแข็งแกร่งตามมาตรฐานการทดสอบการชนในระดับนานาชาติ