ชีวิตอิสระ
4 WHEELS แกะรอยเส้นทาง UNSEEN(1)
ถ้าพูดถึง ทุ่งดอกบัวตอง ทุกคนจะต้องคิดถึงดอยแม่อูคอ จ. แม่ฮ่องสอน แต่ความงดงามอันพิสุทธิ์ของขุนเขา ดอกบัวตอง หรือทานตะวันป่า และวิถีชีวิตบนยอดดอยสูง ยังมีอีกแห่งที่ไม่แพ้กันนั่นคือบนยอดดอยหัวแม่คำ จ. เชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งที่เพิ่งค้นพบใหม่ ได้สมญานามทุ่งบัวตองแห่งที่ 2 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN THAILAND ด้วย
ทริพนี้เราวางแผนการเดินทางทั้งหมด 5 วัน โดยใช้รถ 3 คัน มุ่งหน้าสู่ ดอยหัวแม่คำ จ. เชียงราย พร้อมเตรียมสิ่งของเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน เพื่อนำไปบริจาคให้เด็กๆ บนดอยด้วย
เราถึงตัวเมืองเชียงรายในช่วงบ่าย แวะเติมน้ำมันและหาซื้อเสบียง พร้อมสอบถามสภาพอากาศและเส้นทางจะเข้าสู่ทุ่งดอกบัวตอง ดอยหัวแม่คำ
จากตัวเมืองเชียงราย เราใช้เส้นทางขึ้นสู่ยอดดอยแม่สลองก่อนพบป้ายบอกทางแยกขวาว่าเป็นเส้นทางสู่ยอดดอยหัวแม่คำ จากนั้นผ่านบ้านเทอดไทย ถนนราดยางคอนกรีทจะมาสิ้นสุดที่บ้านเทอดไทยนี้ หลังจากนั้นเป็นถนนลูกรังมีฝุ่นค่อนข้างมาก เรานั่งโขยกเขยกตลอดทาง ได้อรรถรสของการเดินทางสู่ยอดดอย
ในอดีต ถ้าเป็นฤดูฝนที่นี่จะเป็นเหมือนเมืองลับแล การสัญจรไปมายากลำบากมาก หานักท่องเที่ยวได้น้อย เพราะเส้นทางส่วนใหญ่เป็นดินเหนียวปนทรายที่โดนน้ำจากภูเขาไหลกัดเซาะเป็นร่องสภาพเส้นทางแบบนี้จะมีให้เห็นหลังจากเข้าเขตหมู่บ้านเทอดไทย หรือ ดอยหินแตก ซึ่งเป็นพื้นที่สีชมพูของชนกลุ่มน้อยที่เคยมีกองกำลังเป็นอิสระ แต่ในตอนนี้มีแต่ความสงบ และอิสระในการพัฒนาวิถีชีวิต ปัจจุบันคือแหล่งความเจริญของการท่องเที่ยวที่ทัวร์ทุกคณะจะต้องแวะ
จากบ้านเทอดไทย เราผ่านเส้นทางลูกรังมาประมาณ 28 กม. สภาพเส้นทางที่สมบุกสมบันประจวบกันตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จนกระทั่งมาถึงบ้านดอยหัวแม่คำ ตอน 2 ทุ่ม ที่พักกางเทนท์ของเราในคืนนี้อยู่ในบริเวณโรงเรียนหมู่บ้านดอยหัวแม่คำ โดยมี สตอ. ชวลิต ตาคำนิล ครูประจำโรงเรียนแห่งนี้คอยอำนวยความสะดวก
อุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ ความหนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ หมอกโรยตัวลงทุกอณูของพื้นที่ถุงนอนและเสื้อแจคเกทดูจะเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดและรู้ใจมากที่สุด คืนนี้ไม่มีโอกาสชมดวงดาวเพราะหมอกบดบัง เราซุกตัวนอนอยู่ในเรือนของโรงเรียน พร้อมกับนึกถึงบรรยากาศความงดงามของวันรุ่งขึ้น
รุ่งเช้าผมลุกขึ้นพร้อมโผล่หน้าไปปะทะกับความหนาวเย็น และหมอกขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่ว มีเด็กๆ มานั่งรอคณะของเราตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ผมรีบเข้ามาเอาเสื้ออีก 1 ตัว คลุมทับเพื่อความอบอุ่นเตรียมกล้องถ่ายภาพพร้อมที่จะเดินหาจุดถ่ายภาพสายหมอก ซึ่งบริเวณที่ตั้งของโรงเรียนนับว่าอยู่บนจุดสูงสุดสามารถมองเห็นภูมิทัศน์รอบข้างได้เกือบทุกมุม น่าเสียดายที่เราไม่เห็นทุ่งดอกบัวตองตามที่คาดหวังไว้เพราะช่วงที่เรามาดอกบัวตองทั้งหลายได้โรยไปหมดแล้ว แต่ก็ได้สัมผัสบรรยากาศที่บริสุทธิ์ท่ามกลางสายหมอกเป็นรางวัลตอบแทน ถือว่าคุ้มกับการเดินทาง
ช่วงสายคณะของเรามารวมตัวกันบริเวณลานด้านหน้าอาคารเรียนเพื่อมอบสิ่งของ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์การเรียน ให้แก่โรงเรียน โดยมีครูชวลิต เป็นผู้แทนรับมอบ จากนั้นเราอำลาครูและพวกเด็กๆ เดินทางต่อ โดยแวะชื่นชมกับธรรมชาติบริเวณ สถานีทดลองเกษตรที่สูง ดอยหัวแม่คำแล้วย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม ผ่านแปลงเกษตรชาวเขาซึ่งเป็นโครงการแม่ฟ้าหลวงส่งเสริมให้ชาวเขาได้มีอาชีพเพิ่มรายได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามดอยสูง ในแถบภาคเหนือ
การเดินทางในวันที่สองนี้เราวางแผนไว้ว่าจะไปหาที่พักบนดอยตุง โดยใช้เส้นทางผ่าน อ. แม่ฟ้าหลวง ตัดขึ้นสู่ดอยตุง สภาพเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวสลับขึ้น/ลงเขา ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก เมื่อขึ้นมาถึงดอยตุงปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวจากสารทิศต่างๆ หลั่งไหลขึ้นมาเที่ยวชมพระตำหนักดอยตุง ทำให้คณะของเราต้องเปลี่ยนโพรแกรมใหม่ โดยขึ้นไปบนดอยช้างมูบ
สภาพอากาศบนยอดดอยค่อนข้างที่จะหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดพูดออกมาเป็นควัน ทั้งที่แค่ 4 โมงเย็นเท่านั้น
เราเสียเวลาหาที่พักกางเทนท์สำหรับคืนนี้อยู่นานพอสมควร สุดท้ายจึงได้ที่กางเทนท์บริเวณสถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง ใกล้กับพระธาตุดอยตุง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาจองที่พักแรมเช่นกัน คืนนี้หมอกลงหนักกว่าคืนแรกที่ดอยหัวแม่คำ อากาศที่เหน็บหนาวทำให้หลายคนต้องออกมาหาไออุ่นจากกองไฟที่เราก่อขึ้น พร้อมพูดคุยปรึกษากันถึงโพรแกรมในวันรุ่งขึ้น
(อ่านต่อฉบับหน้า)
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร พรมพิทักษ์
ภาพโดย : ถาวร พรมพิทักษ์นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)