รุ่นนี้พอมีเหลือ
กามภพ
ขึ้นปีใหม่ ขึ้นชีวิตใหม่ ความคิดนี้เกิดขึ้นทุกรอบปีในเดือนมกราคม โดยลืมหรือทำเป็นลืมเสียว่าชีวิตนั้นเริ่มต้นมาอย่างไร ศาสนาทุกศาสนาเพียรบอกถึงปฐมเหตุของเรื่องนี้ แต่ส่วนมากก็จะไปถึงพระเจ้าว่าเป็นเบื้องต้นของชีวิต
เว้นเสียแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธเท่านั้น ที่มาแปลกเพราะบอกว่า
"ปฐมํ กลลํ โหติ" แปลเป็นไทยว่า "ในเบื้องต้นนั้นมีแต่เซลล์เดียว"
เกี่ยวพันถึงธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท เป็นความจริงสัมพันธ์ RELATIVE TRUTH ได้แก่ร่างกายของคนเรา อวัยวะส่วนต่างๆ เกิดขึ้น ดำเนินไปและถึงกาลแตกดับ
เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ใหม่ๆ นั้น ธรรมซึ่งพระพุทธเจ้าทรงทบทวนพิจารณามากที่สุดก็คือปฏิจจสมุปบาท ได้ทรงพิจารณาโดยตลอดทั้งสายเกิดและสายดับอยู่ถึง 7 วัน
สายเกิด เป็นความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ เรียกว่า สมุทัยวาร
สายดับ เป็นความดับไปแห่งกองทุกข์ทั้งมวล เรียกว่า นิโรธวาร
ปฏิจจสมุปบาท-ศูนย์กลางแห่งคำสอนทางพระพุทธศาสนานี้ พิจารณาแล้วเป็นมหามหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า เพราะธรรมที่ได้ทรงตรัสรู้ดีและตรัสรู้ชอบนี้ได้ถูกสอนแก่เวไนยสัตว์มาเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว หากว่ากันถึงวิทยาศาสตร์ก็เพิ่งจะมารู้เรื่องของ สเปอร์มาโตซัวจากสัตว์เพศผู้ เมื่อปี พศ. 2320 และมารู้ว่ามนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประมาณปี พศ. 2370 และต่อมาในปี พศ. 2384 เพิ่งรู้กันว่า สเปอร์มาโตซัวเป็นพาหะ นำส่วนหนึ่งของชีวิตจากบิดาไปผสมกับชีวิตอีกส่วนหนึ่งทางมารดา
มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายเรื่องของสเปอร์มาโตซัวไว้ในหนังสือ "ห้วงมหรรณพ" ตอนหนึ่ง ว่าดังนี้
"สเปอร์มาโตซัวที่ออกจากตัวผู้ชายเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิงนั้น ครั้งหนึ่งมีประมาณ 250 ล้านตัวมากมายนักหนา สเปอร์มาโตซัวทั้ง 250 ล้านตัวนี้เคลื่อนไหวได้ด้วยหาง เมื่อถึงช่องคลอดแล้ว ก็จะเริ่มออกว่ายฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการไปจนถึงไข่ที่อยู่ในทางเดินระหว่างปีกมดลูกกับตัวมดลูก
"ที่ล้มหายตายจากเสียกลางทางก็คงมีไม่น้อย แต่ที่ไปถึงไข่ได้ก็มาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ "เปสิ" (ชิ้นเนื้อ) ในสเปอร์มาโตซัวตัวเดียวนั้นไม่พอที่จะละลายกรดที่หุ้มกลละของมารดาออกได้จึงต้องอาศัยธาตุโปรตีนจากสเปอร์มาโตซัวเป็นจำนวนมาก เป็นเครื่องละลายกรดเปิดทาง
"และเมื่อทางนั้นเปิดแล้ว สเปอร์มาโตซัวตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ได้ช่องที่สุดก็จะเข้าถึงกลละและรวมกันเป็นกลละเดียวทันที
"ตรงนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็น ปฏิสนธิ"
คนเราจึงเกิดมาในกามภพ ร่างกายและจิตใจตกอยู่กับกามภูมิ โดยมีกามารมณ์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหากไม่มีปัญญารู้เท่าเข้าใจตามที่เป็นจริงแล้วก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกของกามได้
เวไนยสัตว์ทั้งปวงจึงได้รับคำสอนจากพระพุทธเจ้าว่า อุปมาดังนกติดข่ายของนายพราน น้อยตัวนักที่จะหลุดพ้นไปได้
น้อยคนนักจะหลุดพ้นเครื่องผูกของกามไปได้ ฉันใด ฉันนั้น
ดังเรื่องปลากับเต่าเป็นเพื่อนกันและกัน เต่าซึ่งเป็นทั้งสัตว์บกและน้ำ ได้พูดถึงภูมิประเทศและเหตุการณ์ในอิรัก...เอ๊ย...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนบกให้ปลาผู้เป็นสหายฟัง ว่าเป็นภาพที่งดงาม อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร แม้เต่าจะบรรยายสักเท่าไร แต่ปลาซึ่งเป็นสัตว์น้ำ ไม่เคยเห็นบก ก็ไม่ยอมเชื่อ เพราะเข้าใจว่าในภพนี้มีแต่น้ำเท่านั้น ไม่มีบก
เหมือนจะเถียงเต่าว่า ถ้าขึ้นบกทีไรก็เจอแต่ปังตอ หรือไม่ก็สากทุบเปรี้ยงเดียวสายดับก็เกิดขึ้นโดยทันที
กามอันเป็นเรื่องของความเศร้าหมอง เป็นของมีโทษมาก มีคุณแต่เพียงน้อยก็ยากที่จะยอมรับรู้ด้วยเห็นแต่ว่า กามเป็นคุณ เรียกว่า กามคุณทั้งห้า อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ถึงสายดับแล้วก็ยังอยากให้สายเกิดเกิดขึ้นมาอีก เพราะติดใจในกามคุณทั้งห้า
กามจึงเปรียบได้ดัง น้ำที่ท่วมทับร่างกายและจิตใจอยู่ตลอดเวลา ผู้ลุ่มหลงก็เปรียบได้ไม่ผิดอะไรกับปลาที่ได้เล่าให้ฟังเมื่อครู่นี้ และผู้มีสติเท่านั้นย่อมเหมือนกับเต่า ซึ่งเป็นทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำแม้นว่าไม่ลงไปอยู่ในน้ำเสียเลยก็ยังพอมีความสุข มีชีวิตดำรงอยู่ได้ไม่ตาย
เหมือนอุดมบุรุษผู้หมกมุ่นในกาม ถ้ามองไม่เห็นว่ากามเป็นอุปสรรคของสมาธิก็จะไม่อาจพรากจิตออกไปจากกาม และอบรมจิตให้เป็นสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญาได้
ผมเขียนหนังสือให้กับ 4 WHEELS มาหลายเดือนแล้ว ประเด็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีวิตที่ต้องลุยตามที่คุณขวัญชัย บิกบอสส์ ของสื่อสากล ชี้โพรงมาให้แต่ต้น และชีวิตที่ต้องลุยนี้ก็ไม่พ้นเรื่องของกามคุณ
เรื่องของผู้ชายกับผู้หญิง หรือกล่าวให้ถูกต้องก็คือเรื่องของเพศตัวผู้กับเพศตัวเมียปฐมเหตุแห่งชีวิตที่เกิดมา ดำเนินไป และแตกดับตามคำสอนของพระพุทธศาสนา
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เป็นเรื่องของมนุษย์ ซึ่งมีพฤติกรรมทางเพศแตกต่างไปจากสัตว์
สำหรับสัตว์ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเพศย่อมไปลงเอยสิ้นสุดที่เมถุน แต่สำหรับมนุษย์เรื่องเพศแตกแขนงไปได้มาก จนบางครั้งกลายเป็นเรื่องทางการเมืองไปก็ยังได้
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ มิใช่ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องทั้งปวงทางเพศ ถ้าแก้ไม่ได้ก็จะเกิดความทุกข์
คุณชายคึกฤทธิ์เล่าว่า เวลาปลากัดตัวผู้พบปลากัดตัวเมีย ก็จะพองครีบและหางให้ดูสีสันในปลากัดตัวผู้จะดูฉูดฉาดกว่าปกติ ปลากัดตัวเมียก็จะไม่นึกอะไรให้มากเรื่อง ไม่นึกว่า สีแดงเกินไปไม่ชอบ แล้วนี่จะเลี้ยงดูเราจริงไหม มีลูกมีเต้าขึ้นมาจะทำอย่างไร รสนิยมของเขาตรงกับของเราหรือไม่
เปล่าครับ ปลากัดตัวเมียไม่คิดอะไรอย่างนั้น เมื่อตัวผู้พองครีบพองหางขึ้นมา ก็เท่ากับว่ามีอะไรมากดปุ่มไฟฟ้าในตัว สิ่งที่ปลากัดตัวเมียทำต่อไปก็เป็นธรรมดาปฏิบัติของปลากัดตัวเมียทุกตัว ไม่มีทางเลือก
ทางนั้นก็คือ ยินยอมให้ปลากัดตัวผู้เข้ารัดแล้วออกไข่ ส่วนปลากัดตัวเมียก็จะไปกดปุ่มในตัวผู้ทำให้ต้องรัดตัวเมียและเก็บไข่ไปปล่อยไว้ในหลอดหรือฟองอากาศที่ได้เตรียมไว้ พอไข่หมดแล้วก็ไล่กัดตัวเมียไม่ให้แอบมาลักกินไข่ ตั้งหน้าเฝ้าไข่นั้นไปจนเป็นตัว และคอยเลี้ยงลูกต่อไป
มนุษย์เราไม่ได้ทำอย่างปลากัด ไม่ยอมทำในเรื่องที่ตรงไปตรงมาแบบปลากัด
ผู้หญิงเห็นผู้ชาย ความคิดก็เกิดขึ้นมากมายหลายทาง เป็นต้นว่า ผู้ชายคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่ากอที่ไหนมีเงินมากหรือน้อย มีการศึกษาระดับไหน ไปนอกมาหรือยัง เป็นพลเรือนหรือทหาร ถ้าเป็นพลเรือนมีหวังได้เป็นรัฐมนตรีกะเขาบ้างหรือไม่ หรือถ้าเป็นทหารจะต้องมีเวรกรรมลงไปปฏิบัติหน้าที่แก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้หรือเปล่า
อีกห้าสิบปีข้างหน้าถ้ายังไม่ตายจากกัน เขาจะหัวล้านไหมเอ่ย จะลงพุงสักแค่ไหนล้วนแต่นอกเรื่องทั้งสิ้น
ผู้ชายเห็นผู้หญิงก็เหมือนกัน ถ้าสวยหน่อยบางคนก็คิดแบบปลากัดทันที แต่ถึงคิดอย่างนั้นแต่แรกต่อไปอีกหายใจเดียวก็จะคิดเป็นอย่างอื่น เช่น แม่ของหล่อนเป็นใคร หวงลูกสาวหรือเปล่า สตางค์มีเท่าไร ฐานะเป็นอย่างไร การศึกษาสูงกว่าเราหรือเปล่าวะเนี่ย ?
เรื่องนอกเรื่องเหล่านี้โทษใครได้ สิ่งหนึ่งที่แตกต่างระหว่างสัตว์กับมนุษย์ก็คือ อุปาทาน ความยึดเหนี่ยวในสิ่งแวดล้อม สำหรับสัตว์มีอุปาทาน ทำตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับมนุษย์ มีอุปาทานจำแนกแยกแยะออกไปได้มากมายกว่าของสัตว์ แม้เรื่องของเมถุนก็มีอุปาทานเข้ามาเกี่ยวข้อง เข้ามาครอบงำ
ดูไปแล้วทุกชีวิตก็ปรารถนาแต่ความสุขด้วยกันทั้งสิ้น แต่น้อยคนที่จะไปถึงความสุขที่ตนต้องการได้ เพราะอุปาทานเป็นตัวกีดขวาง ทำให้เดินไม่ตรงร่องรอย ออกนอกลู่นอกทางเสียบ่อย แล้วก็ทำให้ชีวิตพบแต่ความทุกข์
เรื่องชีวิตของผู้ชาย เพศตัวผู้ กับผู้หญิง เพศตัวเมีย ที่ผมได้เขียนมาตลอดนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการระลึกถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ได้ตรัสรู้ความจริงทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ แล้วทรงสั่งสอนให้แก่มนุษย์
หากท่านผู้ใดอ่านบทความของผมมาถึงตอนนี้ ได้นึกถึงพระพุทธคุณบ้าง ผมก็ถือว่า ข้อเขียนของผมบรรลุความสำเร็จเหมือนกันครับ
ABOUT THE AUTHOR
ไ
ไก่อ่อน
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : รุ่นนี้พอมีเหลือ