เจาะสนามแข่งต่างประเทศ
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP สนาม 3-4
หลังจากขยี้หิมะไปเมื่อสองสนามที่แล้ว ก็ย้ายมาเปิดศึกกันต่อบนถนนราดยางที่ "ไม่หมู" อย่างที่คิด
เพราะถึงจะเป็นทางค่อนข้างเรียบ แต่บนพื้นถนนก็เต็มไปด้วยกรวดและดินเม็ดเล็ก
ที่พร้อมจะนำรถแข่งที่เพลี่ยงพล้ำลงข้างทางได้ทุกเมื่อ !
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP สนาม 3 ย้ายมาลุยกันใน ..........(AJACCIO) ประเทศ ฝรั่งเศส
โดยใช้ชื่อรายการว่า ตูร์ เดอ กูร์ส์ (TOUR DE CORSE) หรือที่หลายคนตั้งสมญานามว่า RALLY OF THE 10,000
CORNER เพราะมีเส้นทางที่คดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามภูเขา บนถนนราดยางที่มีแต่กรวดหิน
กับสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้ง ซึ่งพร้อมจะทรมานนักแข่งด้วย "ห่าฝน" ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเทลงมาเมื่อไหร่
การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 เลก โดยเริ่มเลก 1 ในช่วงเช้า พร้อมกับรถแข่ง 61 คัน หลายคนบอกว่า ถ้าฝนไม่ตก วันนี้
จะเป็นวันของทีม เปอโฌต์ เพราะหนึ่งในยอดนักแข่งของทีม กิลเลส ปานิซซี (GILLES PANIZZI)
ชื่นชอบการขยี้คันเร่งบนถนนแบบนี้เป็นพิเศษ "ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรถของเราวิ่งได้ดีบนถนนแบบนี้" จริงอย่างที่
กิลเลส พูด เพราะเขาคว้าตำแหน่งผู้ชนะในเลก 1 มาครองได้สำเร็จ ในขณะที่เพื่อนร่วมทีม มาร์คุส โกรนโฮล์ม
(MARCUS GRONHOLM) ทำเวลามาเป็นอันดับ 2 และ ริชาร์ด เบิร์นส (RICHARD BURNS) อยู่อันดับ 3 เท่ากับว่า
ในเลกแรก เปอโฌต์ กวาดเรียบทั้ง 3 อันดับ
เช้าวันต่อมา เริ่มต้นแข่งกันในเลก 2 พร้อมกับท้องฟ้าที่ครึ้มไปด้วยเมฆฝน ไม่นานนัก ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
และหยุดลงก่อนเริ่มการแข่งขันเอสเอสแรกเพียงไม่กี่นาที ทำให้แต่ละทีม ต้องปวดหัวกับการเลือกใช้ยาง
เนื่องจากผิวถนนของเอสเอสแรกเต็มไปด้วยน้ำ ส่วนถนนของอีกสองเอสเอสที่เหลือ
น่าจะแห้งก่อนที่รถแข่งจะเข้าไปถึง แต่ละทีม จึงได้แต่ภาวนาให้ยางสามารถเกาะถนนได้ดี จนกว่าจะจบเอสเอส 3
และหนึ่งในผู้ที่ไม่ทำให้ทีมงานผิดหวังก็คือ กิลเลส ปานิซซี เขายังทำได้ดีทุกเอสเอสจนจบการแข่งขัน
และทำเวลาดีกว่า มาร์คุส โกรนโฮล์ม ซึ่งเข้ามาเป็นอันดับ 2 ถึง 40 วินาที ส่วน ริชาร์ด เบิร์นส เพื่อนร่วมทีมอีกคน
ยังรั้งตำแหน่งที่ 3 ไว้ได้เช่นเดิม อันดับ 4 ตกเป็นของ ฟิลิปป์ บูกัลสกี (PHILIPPE BUGALSKI) จากทีม ซีตรอง
ตามมาด้วย คอลิน แมคเร (COLIN McRAE) และ การ์โลส เซนซ์ (CARLOS SAINZ) จากทีม ฟอร์ด ในอันดับ 5
และ 6
ท้องฟ้าสดใสและแสงแดดกลับมาเจิดจ้าอีกครั้งในเลก 3 เช้านี้ เป็นการแข่งขันในวันสุดท้าย ซึ่งเหลืออีกแค่ 4 เอสเอส
ระยะทางรวม 112 กม. และจบลงด้วยชัยชนะของ 3 ยอดนักแข่งจากทีม เปอโฌต์ เช่นเดิม โดย ปานิซซี
เข้ามาเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างอันดับ 2 โกรนโฮล์ม 40 วินาที ปิดท้ายด้วย เบิร์นส ในอันดับ 3 ส่วน บูกัลสกี จากทีม
ซีตรอง เข้าอันดับ 4 และ เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) จากทีม ซูบารุ ขยับจากอันดับ 7 ในเลก 2
มาอยู่ที่อันดับ 5 ในเลกนี้
จบจาก ตูร์ เดอ กูร์ส์ ใน ฝรั่งเศส ก็ข้ามฟากมาดวลกันต่อที่ กาตาลุนยา (CATALUNYA) ประเทศ สเปน
ด้วยผู้ชมที่แน่นขนัดจนต้องยกเลิกการแข่งขันเอสเอสแรกของเลก 1 ไป เนื่องจากกรรมการเห็นว่า
อาจเกิดอันตรายกับผู้ชมเหล่านั้น เลยต้องเสียเวลาไป 40 นาที ก่อนมาตั้งต้นกันใหม่ในเอสเอส 2
วันนี้ ยังคงเป็นวันที่ดีของ "ASPHALT MASTER" กิลเลส ปานิซซี อยู่เช่นเดิม หลังจบ 6 เอสเอสของเลกแรก
เขาคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาได้อีกครั้ง ส่วน ริชาร์ด เบิร์นส เข้ามาอันดับ 2 ตามหลัง ปานิซซี อยู่ 26 วินาที
แต่อีกหนึ่งขุนพลของทีม มาร์คุส โกรนโฮล์ม กลับทำได้แค่อันดับ 5 ปล่อยให้ ฟิลิปป์ บูกัลสกี และ เซอบัสเตียง
โลบ์(SEBASTIEN LOEB) จากทีม ซีตรอง แย่งอันดับ 3 และ 4 ไปครอง
เข้าสู่วันที่สองของการแข่งขันบนถนนราดยาง ที่ถูกเผาด้วยไอแดดร้อนระอุ แต่นั่น ยังไม่เท่ากับความร้อนแรงของ
ปานิซซี เพราะเขายังคงยึดตำแหน่งชนะเลิศเอาไว้ ปล่อยให้ เบิร์นส ตามหลังอยู่ห่างๆ ส่วนอันดับ 3 และ 4 ยังเป็นของ
ฟิลิปป์ บูกัลสกี กับ เซอบัสเตียง โลบ์ เช่นเดิม
สำหรับเลก 2 นี้ ยังคงมีผู้ชมตามมาเชียร์ทีมที่ตนเองรักหนาแน่นเหมือนกับเลก 1 แต่แย่กว่าหน่อย
ที่กรรมการต้องสั่งยกเลิกการแข่งขันถึง 2 เอสเอส คือ เอสเอส 7 และ 8 วันนี้จึงเหลือเพียง 4 เอสเอสเท่านั้น
ลองมาดูทีม ซูบารุ กันบ้าง ภาระหนักมาตกอยู่ที่ เพทเทร์ โซลเบร์ก เมื่อรถของ ทอมมี มาคิเนน (TOMMI MAKINEN)
เพื่อนร่วมทีม ต้องออกจากการแข่งขันตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวัน เพราะเครื่องยนต์มีปัญหา และนี่ เป็นครั้งที่ 3
ของฤดูกาลนี้ ที่ มาคิเนน ต้องออกจากการแข่งขัน ยังดีที่ โซลเบร์ก สามารถคว้าอันดับ 6 เอาไว้ได้
ส่วนสองนักแข่งของทีม มิตซูบิชิ ฟรองซัวส์ เดอเลอกูร์ (FRANCOIS DELECOUR) และ อลิสเตอร์ แมคเร
(ALISTER McRAE) ยังคงอยู่ในสถานะ "ลุ่มๆ ดอนๆ" เช่นเดิม หลังจบเลก 2 พวกเขาทำได้แค่อันดับ 12
และ 13 เท่านั้น
"ASPHALT MASTER" ปานิซซี ยังเริ่มต้นการแข่งขันในเลกสุดท้ายได้ดี เช่นเดียวกับเมื่อสองวันที่ผ่านมา
ถึงเขาจะทำเวลาได้เป็นอันดับ 12 ในเอสเอส 14 แต่ก็ยังกลับมาทวงตำแหน่งที่ 1 คืนได้ ในอีก 2 เอสเอสถัดมา
แถมยังทิ้งห่าง เบิร์นส ซึ่งเข้ามาเป็นอันดับ 2 ถึง 37.4 วินาที อันดับ 3 เป็นของ บูกัลสกี จากทีม ซีตรอง ส่วน โลบ์
เพื่อนร่วมทีม ต้องออกจากการแข่งขัน เพราะในสเตจสุดท้าย รถของเขาเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้ระบบรองรับ
เสียหายอย่างหนัก
หลังจากศึกบนถนนราดยางทั้งสองสนามปิดฉากลง ทีมที่ยิ้มจนแก้มปริ คงเป็นทีมไหนไปไม่ได้ นอกจาก เปอโฌต์
เพราะในสนาม โคร์ซิกา (CORSICA) รถทั้งสามคัน สามารถกวาดตำแหน่งที่ 1-3 ไว้ได้หมด และยังได้ที่ 1 และ 2
ในสนาม กาตาลุนยา อีก น่าเสียดายที่อันดับ 3 ตกเป็นของทีม ซีตรอง ไป แต่ก็ยังมี โกรนโฮล์ม อีกหนึ่งขุนพลของ
เปอโฌต์ ตามเข้ามาเป็นอันดับ 4
ส่วนทีมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เห็นจะเป็น ซูบารุ และ ฟอร์ด ที่ผลัดกันนำผลัดกันตามได้อย่างสะใจผู้ชม ถึงทั้งสองทีม
จะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เพราะเกิดอุบัติกับรถแข่งบ่อยครั้ง แต่ฝีมือของนักแข่งในสังกัด
ดูจะเข้าที่เข้าทางขึ้นกว่าเดิม และหลังจากสนามนี้ ก็ยังเหลืออีกถึง 10 สนาม ซึ่งน่าจะเพียงพอ
สำหรับการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืน เชื่อว่า มาคิเนน, โซลเบร์ก, แมคเร, มาร์ทิน และอีกหลายๆ คน
ต่างพยายามเรียกฟอร์มสุดยอดของตัวเองกลับคืนมาอีกครั้ง แต่พวกเขาจะทำได้หรือไม่
คงต้องติดตามกันในสนามต่อไป
ผลการแข่งขัน WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2002
[table]อันดับ, ผู้ขับ, คะแนนสะสม (สนาม 1-2), คะแนน (สนาม 3), คะแนน (สนาม 4), คะแนนรวม
ชนะเลิศ ,มาร์คุส โกรนโฮล์ม ,12, 6, 3, 21
รองอันดับ 1, กิลเลส ปานิซซี, 0 ,10, 10 ,20
รองอันดับ 2 ,ริชาร์ด เบิร์นส, 3, 4 ,6, 13
รองอันดับ 3 ,ทอมมี มาคิเนน, 10, 0, 0 ,10
รองอันดับ 4, การ์โลส เซนซ์, 8, 1 ,0, 9[/table]
หรือจะเป็นโชคร้ายของทีม ฟอร์ด ?
หลังจากนั้นไม่นาน อุบัติเหตุก็หันกลับมาเล่นงาน เซนซ์ อีกครั้ง ในวันทดสอบที่ เตร์ราโกนา (TERRAGONA)
ทางตะวันออกของ สเปน รถของเขาชนเข้ากับหินอย่างแรง ทำให้ เซนซ์ ได้รับบาดเจ็บที่คอ ส่วน ลูอิส โมยา (LUIS
MOYA) ผู้นำทาง ซี่โครงหัก แถมยังเสียฟันไปอีก 1 ซี่ ยังไม่พอแค่นั้น...ในเลก 2 ของสนาม 4 เซนซ์
ยังหลุดโค้งไปชนกับรถของผู้ชมที่จอดอยู่ริมถนนอีก อย่างนี้ต้องเรียกว่า "โชคร้าย" หรือ "ไม่มีฝีมือ"
ABOUT THE AUTHOR
ส
สุรเชษฐ์ เทียนทอง
ภาพโดย : -นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2545