ใส่สีใส่สัน
ระบำสายฝน
ชีวิตผมสมัยเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์เดินทางจากท่าพระจันทร์ไปเยาวราชได้สะดวกมาก โดยอาศัยรถรางเป็นพาหนะ
SINGIN' IN THE RAIN เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งในความทรงจำ ที่ผมได้ไปดูถึงโรงภาพยนตร์ศรีเยาวราช และไปดูเรื่องนี้เพราะเป็นแฟนพระเอก จีน เคลลี
ย่านเยาวราชนั้นมีโรงภาพยนตร์รวมอยู่ถึงสามโรง ฝั่งหนึ่งของถนนเยาวราชเป็น คาเธ่ย์ซึ่งฉายภาพยนตร์ไทย อีกฝั่งหนึ่งมีสองโรงเหมือนแฝดคนละฝาคือ ศรีเยาวราช และศรีราชวงศ์ ฉายภาพยนตร์ฝรั่งล้วน
จากตรงจุดนี้ เดินไปมาถึงถนนเจริญกรุงได้ไม่ลำบากนัก ซึ่งมีโรงภาพยนตร์ทั้งแค็ปปิตอล พัฒนาการ เท็กซัส และศาลาเฉลิมบุรี
โรงภาพยนตร์ศรีเยาวราชให้ความสุขกับผมหลายเรื่อง ทั้ง "สามทหารเสือ" "วิมานรัก" และ "ระบำสายฝน" เรื่องที่ผมจะพูดถึงนี้ เป็นภาพยนตร์เพลงของบริษัทภาพยนตร์เมโทร โกลด์วิน เมเยอร์ หรือ MGM สร้างเมื่อ 53 ปีมาแล้ว (1952)
อดอล์ฟ กรีน และ เบทที คอมเดน ช่วยกันแต่งเรื่องนี้จากเพลงชุดของคนสองคนคืออาเธอร์ ฟรีด กับ นาซิโอ เฮิร์บ บราวน์ โดย อาเธอร์ ฟรีด รับหน้าที่เป็นผู้สร้างด้วยอีกตำแหน่งเขาได้ใช้พรสวรรค์ส่วนตัวคัดเลือกนักแสดงเข้ามาอย่างเหมาะสมเป็นที่สุด
เขาได้ จีน เคลลี เป็น ดอน ลอควูด พระเอกหนังเงียบยอดนิยมของฮอลลีวูด ได้เดบบี เรย์โนลด์ส แสดงเป็นสาวน้อยเซลเดน ผู้ฝันใฝ่อยากเป็นดารา ได้โดนัลด์ โอคอนเนอร์ แสดงเป็น คอสโม บราวน์ เพื่อนนักแสดงของดอน จีน ฮาเกนแสดงเป็นสาวผมบลอนด์ขี้โง่แต่เป็นนางเอกหนังเงียบที่สุดยอดความนิยม
และได้ดารารับเชิญอย่าง ซิด ชาริสส์ มาวาดลีลาการเต้นในฉากใหญ่ๆ ร่วมกับจีน
ภาพยนตร์เพลงดังๆ ของฮอลลีวูดสมัยนั้น มีค่อนข้างมากและล้วนเป็นผลิตผลจาก MGM ทั้งสิ้น เช่น SEVEN BRIDES FOR SEVEN BROTHERS "เจ็ดคู่ชู้ชื่น" ซึ่งได้ดูที่โรงภาพยนตร์คิงส์ วังบูรพา ก็เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในความประทับใจของผม
"ระบำสายฝน" ตั้งเวลาของเรื่องราวไว้ที่ฮอลลีวูดสมัยหนังเงียบ และกำลังผันตัวเองไปสู่ภาพยนตร์พูดได้ มีเพลงที่ไพเราะหลายเพลงแต่ต้องยอมรับว่า 2 เพลงเท่านั้นทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จคือ
เพลง SINGIN' IN THE RAIN ขับร้องและเต้นโดย จีน เคลลี กับเพลง MAKE 'EM LAUGH ซึ่งเป็นการโชว์เดี่ยวของ โดนัลด์ โอคอนเนอร์
จีน เคลลี กับฉากระบำสายฝนเป็นสุดยอดของความมันในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นฉากที่เขากำลังเปี่ยมความสุขกับความรักที่เขามีต่อสาวน้อยเซลเดน หลังจากได้ส่งเธอถึงปากประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว ฝนได้เทลงมาอย่างหนัก แต่เขาไม่รู้สึกกังวล
กลับถลาออกไปกลางสายฝน ซึ่งเป็นถนนที่ร้างผู้คนมีแต่ไฟฟ้า และร้องเพลงออกมาอย่างมีอารมณ์เฉิดไฉไล จีน เคลลี มีร่มคันเดียวเป็นส่วนประกอบในการร้องและเต้นแต่เขาทำให้สายฝนกลายเป็นองค์ประกอบที่ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยสรรพสิ่งที่สวยงาม
จีน เคลลี พลิ้วตัวและเสียงของเขาบนความนุ่มลึก แบบเดียวกับเสียงขยี้แพรของคุณสุเทพ วงศ์กำแหง ได้บรรยากาศและได้ความซึ้งใจกับคนหนุ่มอย่างผมมาก ผมจำท่าเต้นของเขาได้แม้กระทั่งท่าเขาปีนป่ายเสาไฟฟ้า
และจบเพลงเอกนี้ลงด้วยการเข้ามาแจมของตำรวจคนหนึ่ง พร้อมการยัดร่มกันฝนให้กับคนอื่นของ จีน เคลลี
นางเอกหนังเงียบของพระเอกเป็นผู้หญิงที่มีเสียงแหลมเล็กฟังแล้วน่าเกลียด ตรงข้ามกับหน้าตาและรูปร่างของเธอ แต่ความที่หนังฮอลลีวูดสมัยนั้นเป็นหนังเงียบซุ่มเสียงของนักแสดงจึงไม่มีค่า
แต่การพลิกผันมาสู่ความเป็นหนังเสียง นักแสดงเริ่มพูดได้ ร้องเพลงได้ในหนังที่ตนแสดง ถึงตอนนี้ความลำบากก็ตกกับ ลีนา ลามอนท์-นางเอกหนังเงียบ และหนังเรื่องนี้ก็แทรกมุขขำขันเกี่ยวกับการที่หนังฮอลลีวูดเริ่มพูดได้อย่างสนุกสนาน
และจังหวะนี้เอง สาวน้อยเซลเดนก็เข้ามาสอดแทรกโดยรับหน้าที่แทนเสียงพูด และเสียงร้องของลีนา
ส่วน ซิด ชาริสส์ นักแสดงสาวรูปหุ่นสบึมส์ได้วาดลีลาการเต้นรำร่วมกับ จีน เคลลีโดยเฉพาะฉากเพลง BROADWAY BALLET ถือเป็นสุดยอดอีกบทหนึ่งของ SINGIN' IN THE RAIN ทั้งแสงสีและการร่วมเข้าฉากของนักแสดงเป็นจำนวนมากช่วยให้เกิดความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมยิ่ง
ผมนึกถึงหนังเรื่องนี้แล้ว ก็ยังแปลกใจว่าเพราะเหตุใดภาพยนตร์ทุกวันนี้จึงหาหนังเพลงแบบนี้ดูไม่ได้เลย
แต่ก็นั่นแหละครับ โลกเปลี่ยนไปทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปด้วย ฮอลลีวูดเป็นเมืองมหัศจรรย์ของโลกภาพยนตร์ อยู่ยงคงกระพันมาได้ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ในขณะที่ภาพยนตร์จากประเทศอื่นๆไม่ได้รับความนิยมจากคนดูหนังทั้งโลกเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่ส่งตรงจากฮอลลีวูด
ผู้หญิงผมบลอนด์นั้น ฝรั่งมักยกให้เป็น ดัมบ์ บลอนด์ เป็นยัยขี้โง่ และโง่เกินกว่าสองครั้งเสมอ จีน ฮาเกน ผู้แสดงเป็น ลีนา ลามอนท์ ก็เล่นได้ดี บีบเสียงของเธอได้อย่างน่าเกลียด ประโยคที่ขันที่สุดเห็นจะได้แก่ตอนที่ ลีนา ลามอนท์ เริ่มบันทึกเสียงในภาพยนตร์ การจัดซ่อนของไมโครโฟนของเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องซ่อนไว้หลังพุ่มไม้ประดับในฉาก ลามอนท์ร้องบอกพระเอกว่า
"I CAN'T MAKE LOVE TO A BUSH."
ระบำสายฝน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับความสำเร็จไปทั่วโลก เพราะนอกจากเป็นหนังเพลงที่สมบูรณ์แล้ว ยังประกอบด้วยเรื่องราวของประวัติความเป็นไปเป็นมาของฮอลลีวูด เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของวิวัฒนาการทางภาพยนตร์จากหนังเงียบมาสู่หนังเสียงในฟีล์ม
ABOUT THE AUTHOR
จ
จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน