สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายการขาย การตลาด และบริการหลังการขาย
จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายการขาย การตลาด และบริการหลังการขาย
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส เอเชียแปซิฟิค
"จีเอม" ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ หลังเปิดตลาด "เชฟโรเลต์" ในเมืองไทยได้ไม่นานก็กลายเป็นผู้นำตลาดรถเซกเมนท์ใหม่ พร้อมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายการขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส เอเชียแปซิฟิค
ฟอร์มูลา : จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน คุณคิดว่า จีเอมประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดในประเทศไทย ?
ธอมสัน : จุดเริ่มต้นของ จีเอม ในประเทศไทย ความเป็น เชฟโรเลต์ เริ่มต้นจากรถยนต์คันหนึ่งซึ่งไม่เคยมีในประเทศไทยเลย การนำสินค้ามาเริ่มต้นทำให้มีโอกาสวางรากฐานของสินค้าได้อย่างเต็มที่ เพราะยังจำหน่ายได้ จำนวนไม่มากนักสามารถเริ่มต้นการขายในฐานะรถที่มีศักยภาพที่ดีของประเทศ ในปัจจุบันมองเห็นว่า ออพทรา และโคโลราโด เป็นรถชั้นดีในแต่ละตลาด
ถ้าจะมองการเริ่มต้น ทำงานง่ายๆ เราก็คงเปิดตลาดด้วยการเปิดตัวรถพิคอัพซึ่งถ้าเริ่มต้นพิคอัพในประเทศก่อน คนก็มองเห็นภาพของ เชฟโรเลต์ คือ ความเป็นพิคอัพแต่ความจริงแล้วคนมองว่าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีศักยภาพที่ดี
ฟอร์มูลา : เชฟโรเลต์ วางทิศทาง และนโยบายการรุกตลาดในปีนี้ไว้อย่างไร ?
ธอมสัน : สิ่งที่ต้องการ คือ การขยายตลาดไปสู่เซกเมนท์ที่ยังไม่มี ซึ่งมองไว้ คือเซกเมนท์ที่มีความสำคัญของประเทศ มีศักยภาพสูง มีการตอบรับเป็นอย่างดี และตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่าบริษัทมียอดจำหน่ายที่เติบโตเพิ่มขึ้น คือ ในปี 2545
มียอดจำหน่าย 3,900 คัน ปี 2546 มียอดจำหน่าย 5,500 คัน ปี 2547 มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 17,000 คัน ปี 2548 มียอดจำหน่ายเป็น 34,000 คัน และในปีนี้ตั้งเป้ามียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 45,000 คัน จะเห็นได้ว่าบริษัทมีการเติบโต 100 % ทุกปี แบ่งเป็นพิคอัพ 66.2 % และ รถเก๋ง 38.8 %
ฟอร์มูลา : คุณมีความมั่นใจกับการเติบโตของตลาดในปีนี้หรือไม่ อย่างไร ?
ธอมสัน : การตั้งเป้าการเติบโตเป็นตัวเลขน้อยที่สุดที่ตั้งไว้ เพราะปีนี้ในส่วนของโรงงานที่ระยองจะมีการเพิ่มโรงงานพ่นสีแห่งที่ 2 จะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของดีเลอร์ทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมาดีเลอร์ในแถบเอเชียต้องการที่จะขาย โคโลราโดแต่ที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถส่งรถได้ตรงกับความต้องการ
ฟอร์มูลา : นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหรือไม่ ?
ธอมสัน : สภาพเศรษฐกิจ แข็งแกร่ง และเติบโต จะทำให้คนมีความสามารถจับจ่ายซื้อของได้การเจริญเติบโตของตลาดรถก็จะมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ บริษัทจะเปิดตัวรถ เชฟโรเลต์ โคโลราโดจี 80 ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่เพิ่มอุปกรณ์ทำให้รถขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำงานได้เหมือนกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรถพิคอัพในเมืองไทยของ เชฟโรเลต์ เท่านั้นที่จะมี
ฟอร์มูลา :เชฟโรเลต์ ซึ่งถือเป็นผู้นำสินค้าเซกเมนท์ใหม่ในตลาดปีนี้จะมีเซกเมนท์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ?
ธอมสัน : ความจริงแล้วไม่ถือว่าเป็นคนเริ่มสร้างเซกเมนท์ใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศ แต่จะเน้นไปในเซกเมนท์ของตลาดที่ยังไม่มีใครทำตลาดมากกว่า
ฟอร์มูลา : รถเก๋งจะมีรุ่นใหม่เข้ามาเสริมในตลาดอีกหรือไม่ ?
ธอมสัน : ปัจจุบัน เชฟโรเลต์ ออพทรา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ผ่านมาสามารถขึ้นสู่อันดับ 3 ในตลาดเก๋งขนาดกลางเล็ก ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ของการขายรถเก๋งของ เชฟโรเลต์ และที่ผ่านมาเพิ่งขยายรุ่น เอสเตท เพิ่มขึ้น คงต้องรออีกซักระยะหนึ่ง
ฟอร์มูลา : จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ?
ธอมสัน : เมื่อปี 2548 บริษัทได้ลงทุน 2,400 ล้านบาท ในการขยายโรงงานสีแห่งที่ 2 ซึ่งจะสามารถเริ่มการผลิตเดือนมิถุนายน
ฟอร์มูลา : หากโรงงานสีแห่งที่ 2 เสร็จ จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าใด ?
ธอมสัน : การผลิตจะเพิ่มเป็น 160,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม 50,000 คัน ซึ่งจะทำให้เพิ่มการส่งออกคิดเป็น 45 %
ฟอร์มูลา : นอกจากนี้ในเรื่องการพัฒนาเครือข่าย จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
ธอมสัน : การพัฒนาเครือข่าย ต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะการจะทำให้ดีเลอร์ของเชฟโรเลต์ มีมาตรฐานเดียวกันหมดทั่วประเทศ ต้องลงทุนอย่างมหาศาลเพราะนอกจากการพัฒนาแล้วยังรวมถึงการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ปีนี้ตั้งเป้าดีเลอร์ทั่วประเทศ 100แห่ง นอกจากนี้ในส่วนของโรงงานสีแห่งที่ 2 ที่ขยายเพิ่มขึ้น มีการจ้างงานอีก 700 อัตรานั่นก็หมายถึงการลงทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ฟอร์มูลา : รูปแบบมาตรฐานโชว์รูมแห่งใหม่ของ เชฟโรเลต์ จะเป็นอย่างไร ?
ธอมสัน : บริษัทได้นำรูปแบบจากต่างประเทศ แต่จะมีการดัดแปลงบ้างบางส่วนเพื่อให้เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งจะเน้นสีของโลโก สีฟ้า ซึ่งจะโดดเด่นในตอนกลางคืน
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
ธอมสัน : สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ คือ เติบโตเพิ่มขึ้น 10 %เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้ แนวโน้มตลาดของรถพิคอัพเติบโตขึ้นเรื่อยๆโดยมีการนำรถพิคอัพมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ฟอร์มูลา : จุดอ่อนของ เชฟโรเลต์ ที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนที่สุดคืออะไร ?
ธอมสัน : จุดอ่อนของ เชฟโรเลต์ ไทย เวลามีน้อย คือ บริษัทมีเวลาเพียง 5 ปีในขณะที่คู่แข่งอยู่กันมาเป็นเวลานาน การจะสร้างจุดแข็งให้เกิดขึ้น ต้องใช้ทุกเวลานาที ทกชั่วโมงในการสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจแก่ลูกค้าให้เร็วที่สุด เนื่องจากสิ่งที่คนไทยยังรู้สึกถึงภาพของจีเอม ในก่อนหน้าที่ เชฟโรเลต์ ยังไม่ได้เข้ามาดำเนินการในไทยว่า มีการบริการที่ไม่ดี แต่ปัจจุบัน จีเอม และ เชฟโรเลต์ เข้ามาทำกิจการเอง มีการพัฒนาเครือข่ายให้การบริการ ฝึกอบรมช่างเพื่อให้กลับมาดูแลลูกค้าให้เร็วที่สุด สร้างความมั่นใจของลูกค้าให้กลับคืนมาเร็วที่สุด และสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ที่พึงพอใจกับรถยนต์ของเรา
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันสามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้มากน้อยเพียงใด ?
ธอมสัน : สิ่งที่เกิดขึ้น มีความมั่นใจมากว่าจะสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เกิดขึ้นกับ เชฟโรเลต์เพราะกิจกรรมที่จัดขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ร่วมกับ สยามพารากอนสยามโอเชี่ยนเวิล์ด นำรถ เชฟโรเลต์ ไปทำเป็นตู้ปลา ซึ่งการทำกิจกรรมนี้จะพบว่ากลุ่มลูกค้าจุดนี้อาจไม่เคยนึกถึงรถ เชฟโรเลต์ มาก่อน แต่ได้เห็นรถของเราในแบบแปลกๆหรือการนำรถไปร่วมสนับสนุนการแสดงคอนเสิร์ท และกิจกรรมใหม่ๆ มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากเดิม
ฟอร์มูลา : คุณรู้สึกอย่างไรกับความสำเร็จของ เชฟโรเลต์ ?
ธอมสัน : การเติบโตของ เชฟโรเลต์ ที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตอย่างมาก และปีต่อไปต้องการให้เติบโตต่อไป รู้สึกมีความสุข ที่แบรนด์เติบโตต่อไปเรื่อยๆ และถือว่าแบรนด์ของเราเติบโตในเรื่องของยอดขายสูงที่สุดในประเทศ
ฟอร์มูลา : เป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับ เชฟโรเลต์ คืออะไร ?
ธอมสัน : พยายามขายรถให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ 2 สิ่งที่จะทำคือ 1. การเพิ่มดีเลอร์ในจุดใหม่ๆให้มากที่สุด และ 2. การเพิ่มสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดให้มากที่สุด
ฟอร์มูลา : สิ่งสำคัญที่สุดของการบริหาร เชฟโรเลต์ ในไทยคืออะไร ?
ธอมสัน : ตอนเริ่มมาทำงานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีพนักงาน 30 คน ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 คน และ 100 % เป็นคนไทย บางคนเป็นการทำงานครั้งแรกกับบริษัทรถยนต์ สิ่งที่คิดอยากจะเห็นในอนาคต คือการพัฒนาบุคลากร อยากเห็นว่าคนไทยเหล่านี้ สามารถบริหาร เชฟโรเลต์ให้เจริญเติบโตเหมือนกับตอนที่ผมอยู่
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าตลาดไทย และอาเซียน มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
ธอมสัน : ถ้าเปรียบเทียบกับความแตกต่างในไทย ตลาดรถพิคอัพใหญ่มาก คือมีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60 % ไม่มีตลาดใดเลยในอาเซียนมีส่วนแบ่งตลาดรถพิคอัพมากเท่านี้ซึ่งตลาดพิคอัพในอาเซียนมีส่วนแบ่งน้อยกว่า 10 % และสิ่งที่แตกต่างอีกอย่างหนึ่ง คือ
ระบบการเมืองและรัฐบาลของไทย และประเทศอื่นๆ เพราะวิธีการของรัฐบาลไทยปัจจุบันทำให้บริษัทมีความรู้สึกว่าเราสามารถวางแผนการทำงานในอนาคตได้อย่างปลอดภัย
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเอศคาร์ ?
ธอมสัน : โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ อยู่ที่การสนับสนุนของรัฐบาลซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลได้ตัดสินใจยกเลิกไม่ทำโครงการนี้แล้ว
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เอกลักษณ์ จุลสุคนธ์นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)