โค้งอันตราย
ปลอดภัยแบบไทยๆ
สร่างซากันไปแล้วสำหรับเหตุอันเนื่องมาจากไข้หวัดนก ที่บรรดา ฯพณฯ ทั้งหลาย
ปากหนักกันมาตั้งแต่เริ่มแรก ไม่มี๊ ไม่มี
แต่บรรดาจดหมายอีเลคทรอนิคทั้งหลาย ที่บอกให้คนที่มีชื่อนำหน้าด้วยตัวอักษร สามตัวไปทำบุญทำทานแก้เคล็ด เนื่องมาจากโรคหวัดนกดังกล่าว ที่เวียนกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั้นถึงจะไม่ใช่เรื่องที่จะมีใครออกมายืนยันกันจริงจัง แต่ข่าวว่าบรรดาผู้ที่มีชื่อนำหน้าด้วยตัวอักษรสามตัวพากันรีบไปทำบุญทำทานกันยกใหญ่ ขนาดคนนั่งแถวที่ทำงานของกระผมเอง ร้อยวันพันปีไม่เคยพูดถึงเรื่องทำบุญ ยังอดออกปากออกมาไม่ได้
ข่าวลือเรื่องอย่างนี้ว่าไปแล้ว ก็คงพอทำเนาหรอกนะครับ เพราะอย่างไรเสียก็ได้จิตกุศลขึ้นมาหน่อยถึงส่วนลึกของจิตใจจะไม่ได้อยากทำบุญจริงจังก็เถอะ อันที่จริง
ชื่อไม่ต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษรสามตัวนั่น กระผมเองก็พยายามหันหน้าเข้าวัดอยู่แล้ว
เพียงแต่เท้ามันคอยแต่จะเดินถอยหลังน่ะสิ
มาคุยกันเรื่องสัพเพเหระดีกว่า
เรื่องแรกเป็น โครงการศึกษาปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลบีเอมทีเอม รูท พแลนนิง สเกดูลิง แอนด์ โพรเจคท์
(BMTM ROUTE PLANNING AND SCHEDULING PROJECT) ที่เสนอแนะระบบเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางที่เหมาะสมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการในการเดินทางของประชาชน
ให้บริการสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่และเชื่อมประสานกับระบบขนส่งมวลชนรูปแบบอื่นๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำระบบคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในการเดินรถ
แผนการดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการรถโดยสารประจำทางในระยะ 10 ปีข้างหน้าซึ่งสำนักนโยบายและแผนเป็นผู้ทำการศึกษา รวมทั้งจัดเตรียมข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อจัดทำเป็นแผนดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการรถโดยสารประจำทางสำหรับการพิจารณาบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับต่อไป
ก็ยังไม่อยากตีตนไปก่อนไข้หรอกนะครับ ว่าทำไมถึงเร่งรีบศึกษากันจัง ในเมื่อมีโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินที่ขุดอุโมงค์ วางรางกันไปเสร็จเรียบร้อย เพียงแค่คอยหารถไฟฟ้าเอามาวิ่งสักเกือบปีเท่านั้นเองที่สงกรานต์หนนี้จะเริ่มเปิดทดลองวิ่งกันแล้ว
นี่ถ้าเป็นการบริหารกันแบบนิติบุคคลนะครับ ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านเฉ่งปี๋กันหมดทั้งบริษัทแล้ว ลงทุนขุดอุโมงค์ วางรางรถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเป็นหมื่นล้าน เป็นพันล้านขุดเสร็จแล้วก็ยังใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เกือบปี แถมยังต้องเสียค่าดูแลบำรุงรักษากันอีกเพราะหารถไฟฟ้าเอามาวิ่งไม่ได้ เงินเดือนพนักงานก็ต้องจ่าย ดอกเบี้ยก็ต้องเสีย รายได้ก็ไม่มี
ประมาณว่าต้องมีคนคอขาดสังเวยกันมั่งละ
แต่นี่บังเอิญเป็นการบริหารราชการแผ่นดินแบบไทยๆ คนโน้น ทำเอาไว้ คนนี้ ทำเอาไว้กระผมเพิ่งมารับหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ตามขั้นตอนนะขอรับ จะให้กระผมรับผิดชอบได้อย่างไร
สรุปง่ายๆ ก็คือ เลยตามเลย จับมือใครดมไม่ได้ว่าใครผิด ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ประมาณค่าไม่ได้แถมยังมาศึกษาการปรับปรุงเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทางอีก โดยไม่คิดจะคอยดูผลกระทบของการเปิดเดินรถไฟฟ้าใต้ดินหรือโครงการส่วนต่อขยายของระบบการขนส่งโดยราง
อย่างว่าแหละนะครับ ทำกันแบบไทยๆ ก็อย่างนี้แหละ
เรื่องแบบไทยๆ อีกสักเรื่อง เรื่องนี้มาจากคมนาคมเพิ่งจะกำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของติดอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างและด้านท้ายเพื่อช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จากกรณีรถยนต์ขนาดเล็กหรือรถจักรยานยนต์ขับชนบริเวณด้านข้างหรือด้านท้ายของรถบรรทุก
เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี่ จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รถเหล่านั้นลอดเข้าไปใต้ท้องรถบรรทุก ซึ่งการกำหนดหลักการดังกล่าวจะสอดคล้องกับมาตรฐานที่คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรปของสหประชาชาติ (UN/ECE) กำหนดไว้
ที่ว่าท่านทำกันอย่างไทยๆ ก็คือ ท่านกรุณาบอกว่า กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 365 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และไม่ใช้บังคับกับรถที่จดทะเบียนไว้แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ว่ากันเรื่องความปลอดภัยอีกเรื่องนะครับ
คราวนี้เป็นเรื่องของคน กทม. จากการสำรวจความเร็วบนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพมหานครเปรียบเทียบความเร็วปี 46 กับปี 45 พบว่า ในช่วงเวลาเร่งด่วนช่วงเช้า การจราจรบนถนนอโศกเพชรบุรี และสุขุมวิท ความเร็วของการจราจรมีความเร็วเฉลี่ยลดลงจาก 17.9 กม./ชม. ในปี 45 เป็น 16.8 กม./ชม. ในปี 46
และขณะนี้ศูนย์สารสนเทศการขนส่งและจราจร กำลังร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการปรับปรุงจัดการจราจร เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยผ่อนคลายปัญหาในระยะเร่งด่วนแล้ว
ท่านกรุณาเผยแพร่ออกมาเฉพาะถนนสองสามเส้นทางเท่านั้น ส่วนถนนสายอื่นที่มีกล้องจับสภาพการจราจรที่ใครก็สามารถเข้าไปทดลองดูได้จากแหล่งในอินเตอร์เนท ท่านไม่ได้เอาออกมารายงานให้เราๆ ท่านๆ ทราบกัน
แต่กระผมเองก็ขอรายงานว่า ขณะนี้ความปลอดภัยเนื่องมาจากรับประทานไก่สุก
อยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว แต่ความปลอดภัยจากการจราจรยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจรถรายังติดกันโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยังคงไม่สวมใส่หมวกกันนอคยังคงมีปริมาณมากเช่นเดิม โดยเฉพาะในต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ๆ และแถมด้วยซ้อนสามยังมีให้พบเห็นกันสม่ำเสมอ
อ้อ แคมเปญขายรถยนต์ยังคงพบเห็นได้อย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันค่าเบี้ยประกันการรับประกันอุบัติเหตุชั้นหนึ่ง เป็นเวลาหนึ่งปีกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถไปแล้ว ยี่ห้อไหน ใครไม่มีถือว่าเชย
ส่วนผู้ที่ชอบพอกับทองคำ ก็ยังหาเป็นของแถมประจำรถได้ตามโชว์รูมรถยนต์ทั่วไป
กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับท่าน
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
ภาพโดย : -นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย