คุณค่าประการหนึ่งที่รถยนต์ทุกรุ่นมีเหมือนกัน แต่คนทั่วไปไม่ค่อยนึกถึง คือ การเป็นเสมือนสมุดบันทึกประวัติศาสตร์ของโลกในช่วงเวลาต่างๆเชื่อหรือไม่ หากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง รถรุ่นหนึ่งสามารถบอกเราได้เลยว่า ตอนที่รถรุ่นนั้นออกสู่ตลาด เทคโนโลยียานยนต์อยู่ในขั้นไหน สภาพเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต แฟชัน ฯลฯ เป็นอย่างไร รวมถึงมีเหตุการณ์สำคัญใดเกิดขึ้น แม้แต่การแบ่งประเภทของรถโบราณโดยสมาพันธ์รถโบราณ โลก ก็ยังแบ่งเป็นช่วงเวลาตามเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น รถรุ่นผ่านศึก (ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1) รถก่อนสงคราม และรถหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้น ซึ่งรถแต่ละประเภทก็สะท้อนประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นๆ ได้ชัดเจนรอบด้านอย่างแท้จริง เป้าหมายหลักที่เราก่อตั้ง พิพิธ-ภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK ก็เป็นเรื่องนี้แหละครับ คือ นอกจากจะมาชื่นชมรถโบราณ รถคลาสสิคคันงามแล้ว ผมยังอยากให้ทุกท่านมองทะลุเข้าไปเห็นถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ในรถแต่ละคันด้วย ตัวช่วยที่จะทำให้ท่านเข้าถึงคุณค่าดังกล่าว คือ คำบรรยายสรรพคุณของรถที่แสดง ซึ่งผมขอยกมาเป็นตัวอย่างสัก 3-4 คัน AUSTIN SEVEN ปี 1929 รถพิกัดกระบอกสูบขนาด “7 แรงม้าภาษี” ผลิตด้วยเหล็กเหนียว และอลูมิเนียมแผ่น ประกอบบน โครงไม้แอช เบาพิเศษ เป็นทั้งรถใช้ในชีวิตประจำวัน รถขนส่งสินค้า และรถแข่ง ของชาวอังกฤษ ยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 MG TB ปี 1939 รุ่นที่ 2 ในอนุกรม “T” พัฒนามาจากรุ่น TA ปี (1936-1939) ในช่วงก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 แต่จำหน่ายได้เพียง 4 เดือน ก็ต้องปิดสายการผลิตเพื่อเข้าสู่สงคราม จึงมีรถออกจากโรงงานเพียง 379 คัน ทำให้มันทรงคุณค่า และหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน BMW 503 COUPE ปี 1956 รถสปอร์ทต้นตระกูลของ 6-SERIES 8-SERIES (ซีรีส์ 6 และ 8) สไตล์ HARDTOP COUPE 2+2 ที่นั่ง ไม่มีเสากลาง เริ่มใช้มาตรวัดขนาดยักษ์ 2 วง จุดเริ่มต้นของ “หน้าปัดแบบ BMW (บีเอมดับเบิลยู)” และเครื่องยนต์ วี 8 สูบ หล่อจากอลูมิเนียม ทั้งเสื้อสูบ และฝาสูบ ต่างจากเครื่องยนต์ วี 8 ทั่วไปที่มักใช้เสื้อสูบเป็นเหล็ก (โปรดติดตาม กำหนดเปิดพิพิธภัณฑ์ฯ อย่างเป็นทางการ เร็วๆ นี้นะครับ) ฉะนั้น สำหรับผู้มองการณ์ไกล รถที่ผลิตออกมาในช่วงนี้ จึงน่าซื้อ และเก็บสะสมไว้นะครับ เพราะอีกแค่ 30 ปี มันจะทรงคุณค่าในฐานะ รถคลาสสิคยุค COVID-19 อย่างแน่นอน !
บทความแนะนำ