ชีวิตอิสระ
หุบป่าตาด ป่าดึกดำบรรพ์ แห่งยุคจูราสสิค
หลังสถานการณ์ COVID-19 มีทิศทางดีขึ้น จนภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง ผมจึงวางแผนเดินทางอีกครั้ง ซึ่งสถานที่ของ “ชีวิตอิสระ” ในครั้งนี้ จะพาย้อนเวลากลับไปในยุคจูราสสิค ของป่าดึกดำบรรพ์ “หุบป่าตาด” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN ของจังหวัดอุทัยธานี
หุบป่าตาด ป่าลึกลับ แห่งเมืองอู่ไท
เรามุ่งหน้าสู่ อ. ลานสัก โดยใช้เส้นทางสายเอเชีย (32) ผ่านตัวเมืองอุทัยธานี เข้าเส้นทาง 3438 สู่ อ. ลานสัก ระยะทางเกือบ 300 กม. จากกรุงเทพฯ สถานที่แห่งนี้เดิมทีไม่มีใครรู้จัก หรือแม้แต่จะเข้าถึงได้ เนื่องจากถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนที่สูงชัน จนกระทั่งในปี 2522 พระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง มีเหตุบังเอิญให้ต้องปีนลงไปในหุบเขาแห่งนี้ เมื่อลงไปถึงจึงพบว่า ผืนป่าแห่งนี้มีสภาพภูมิศาสตร์ที่แปลก มีต้นตาด (ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) ขึ้นเต็มไปหมด รวมถึงมีพันธุ์ไม้หายากอื่นๆ มากมาย ท่านจึงได้เจาะปากถ้ำ สร้างทางให้เข้าถึงเพื่อการพัฒนาในปี 2527 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าถ้ำประทุน และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN ของจังหวัดอุทัยธานี มีการจัดทำเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 700 เมตร อีกด้วย สำหรับที่มาของป่าแห่งนี้ ได้มีนักวิชาการสันนิษฐานไว้ว่า แต่เดิมเคยเป็นถ้ำมาก่อน แล้วเมื่อเปลือกโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน จึงทำให้เพดานของถ้ำถล่มลงมา กลายเป็นบ่อในหุบเขา ซึ่งมีจำนวน 2 ห้อง เนื้อที่รวมกว่า 2 ไร่ มีขอบบ่อสูงราว 150-200 เมตร มีสภาพเป็นบ่อกลางภูเขาที่ลึกมาก ต้นไม้สามารถขึ้นได้เฉพาะบางพันธุ์เท่านั้น เพราะมีข้อจำกัดเรื่องแสงแดดส่องถึงเดินลอดถ้ำหินปูน ประตูอุโมงค์ ย้อนกาลเวลา
เมื่อจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ไฟฉายมาหนึ่งอัน เนื่องจากต้องผ่านถ้ำที่มืดสนิทกว่า 100 เมตร เสียก่อน เมื่อเข้าไปภายในถ้ำ จะรับรู้ได้ถึงความเย็นราวกับเปิดแอร์ไว้ พร้อมกลิ่นฉุนของขี้ค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ถ้าเราส่องไฟขึ้นไปตามผนังถ้ำ จะเห็นค้างคาวเต็มไปหมด สร้างอารมณ์นักสำรวจได้อย่างดี ไม่นานนักเราก็เห็นแสงสว่าง พอผ่านพ้นถ้ำมาได้ ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเสมือนกับว่าเรากำลังเดินผ่านอุโมงค์ย้อนเวลาอย่างไรอย่างนั้น เพราะพื้นที่เบื้องล่างสู่หุบเขา เป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีภูเขาหินปูนโอบล้อม เต็มไปด้วยต้นตาดเบียดเสียดกันหนาแน่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ ชวนให้นึกถึงหนังเกี่ยวกับไดโนเสาร์โดยไม่รู้ตัว บริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบ และยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเท่านั้น เพราะมีเขาหินปูนสูงชันโอบล้อมอยู่ สำหรับหุบป่าตาดมีลักษณะเป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่อุดมไปด้วยต้นตาด หรือต้นต๋าว (ARENGA PINNATA) พืชตระกูลปาล์ม มีใบเป็นแฉกแผ่สยายกว้าง ชอบขึ้นในพื้นที่ป่าดงดิบที่มีอากาศเย็นชื้นสภาพหนาทึบ ตาดออกลูกเป็นทลายเล็กๆ กลมๆ ลูกตาดกินได้ ชาวบ้านนิยมนำเนื้อในมาทำเป็นเหมือนลูกจาก หรือลูกชิด ใบนำไปทำเป็นไม้กวาด ส่วนยอดอ่อน นำไปต้มจิ้มน้ำพริก นอกจากต้นตาดแล้ว ที่นี่ยังพบพันธุ์ไม้หายากอื่นๆ อีก เช่น ต้นกะพง ยมหิน ยมป่า ต้นปอหูช้าง เต่าร้าง เปล้า คัดเค้าเล็ก เป็นต้น นอกจากพันธุ์ไม้หายากแล้ว ยังมีสัตว์ เลื้อยคลานที่หายากหนึ่งเดียวในไทย คือ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” (SHOCKING PINK MILLIPEDE) ที่ได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งในประเทศไทยสามารถพบได้ที่หุบป่าตาดแห่งเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่เราไปแล้วไม่เจอ เมื่อเดินตามทางเรื่อยๆ ก็จะไปสิ้นสุดบริเวณโพรงถ้ำ ที่มีลักษณะเป็นช่องประตูขนาดใหญ่ เดินทะลุถึงกันได้ ซึ่งถือเป็น “ไฮไลท์” ของที่นี่ เนื่องจากมีลักษณะของหินงอก หินย้อย ที่แปลกตา กระตุ้นต่อมจินตนาการได้มากมาย ทั้งหินรูปเต่ายักษ์ หินรูปหัวม้า หรือหินรูปกระปุกออมสิน แถมบางมุมที่มองออกจากโพรงถ้ำแล้วเจอต้นตาดที่แสงส่องมาถึงพอดี (ต้องมาตอนเที่ยงตรงเท่านั้น) ยังเป็นมุมมองหนึ่งที่สวยงามที่สุด ใครพกกล้องถ่ายรูป ไม่ควรพลาดการหามุมถ่ายรูปจากบริเวณนี้น้ำพุร้อนสมอทอง แหล่งพักผ่อนของคนอุทัยธานี
น้ำพุร้อนสมอทอง ติดอันดับ 1 ใน 10 น้ำ พุร้อนที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุดในประเทศ จึงไม่แปลกที่จะเป็นแหล่งพักผ่อนของคนอุทัยธานี สถานที่แห่งนี้อยู่ในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว มีจุดชมทิวทัศน์ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ภายในยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือก ตั้งแต่ผ่อนคลายด้วยการแช่ น้ำอุ่น สปาเท้าแบบธาราบำบัด ปั่นจักรยาน หรือจะตกปลาด้วยเบ็ดไม้ไผ่ก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีบ้านพักไว้รับรองโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถ้าไม่ชอบจะเลือกนอนกางเทนท์ ก็มีลานกว้างริมน้ำให้บริการอีกด้วย น้ำพุร้อนสมอทอง เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดเล็ก ที่ผุดขึ้นมาบนผิวดิน โดยไหลผ่านช่องเขาสองลูก น้ำพุที่ผุดขึ้นมาใส แต่มีกลิ่นกำมะถันฉุน มีความร้อนประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส ขนาดต้มไข่สุกภายใน 5 นาที โดยน้ำจะไหลลาดตามหินของภูเขาลงไปรวมกับน้ำในลำห้วยคอกควายแผนที่เส้นทาง
ที่กิน
มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วทั้งที เมนูอาหารที่พลาดไม่ได้ คือ “ปลา” เราเลือกสั่ง ปลาทับทิมทอดตะไคร้สมุนไพร ปลานิลเผาเกลือ และต้มยำไก่บ้าน ณ “ร้านอาหารนก” ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณของน้ำพุร้อนสมอทอง รสชาติ และบรรยากาศ ใช้ได้ทีเดียวที่นอน
ไหนๆ เราก็มาเที่ยวถึงน้ำพุร้อนสมอทองกันแล้ว ขอนอนค้างที่นี่ด้วยเลยแล้วกัน บ้านพักที่นี่จะเป็นหลังๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ สามารถเลือกวิวสวยๆ ได้เลยถ้ายังว่างอยู่ ราคาตั้งแต่ 800-1,500 บาท พร้อมบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำที่งดงามABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2563
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)