มาตรวัดตลาดรถ
NEW NORMAL
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์สะสม มกราคม-มีนาคม 2020/2019
ตลาดโดยรวม | -24.1 % |
รถยนต์นั่ง | -23.6 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -13.0 % |
กระบะ 1 ตัน | -26.9 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | -11.5 % |
รู้จักคำนี้กันหรือยังครับ คำง่ายๆ ว่า NEW NORMAL หรือความปกติธรรมดา ในรูปแบบใหม่ ที่เราจะต้องพบเจอกันไปอีกนานพอควรทีเดียวความหมายของความปกติธรรมดา ที่เราจะต้องพบเจอกันนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพ ดูแลสุขอนามัย ในการดำรงชีวิตสวมใส่หน้ากากอนามัย มีการเว้นระยะห่าง SOCIAL DISTANCING ทางสังคม จนกว่าโลกใบนี้จะสามารถค้นคิดวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ได้สำเร็จ และสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง โดยประมาณว่า เจ้าความปกติธรรมดาในรูปแบบใหม่นี้ เราจะต้องมีชีวิตอยู่คู่กันไปจนถึงราวต้นปีหน้าทีเดียว ซึ่งนั่นก็จะกลายเป็นวิถีในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว มาดูตัวชี้วัดของตลาดรถยนต์ในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาดีกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 88.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 90.2 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยค่าดัชนีฯ ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 สิ่งนี้บอกอะไรกับเราบ้าง สิ่งแรกใกล้ตัวที่สุด คือ ยอดขายรถยนต์เดือนมีนาคม ขายได้ 60,105 คัน ลดลง 41.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ด้วยหลายเหตุปัจจัยทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความสนใจในการซื้อรถใหม่จึงชะลอตัว และผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 3 เดือน มีปริมาณการขาย 200,064 คัน ลดลง 24.1 % ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศและระดับโลก ยังส่งผลต่อภาพรวมของตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ตาม ค่ายรถยนต์ต่างๆ ยังคงพยายามหามาตรการเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์และกิจกรรมส่งเสริมการขายให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ดังนั้นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่การตอบแบบสอบถามของดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม พบว่า ผู้ประกอบการ 67.3 % มีความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก ส่งผลให้คำสั่งซื้อต่างประเทศลดลง และผู้ประกอบการ 49.3 % มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (บาท/เหรียญสหรัฐฯ) ในมุมมองผู้ส่งออก 42.3 % ราคาน้ำมัน 31.7 % และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 18.8 % ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ภายใต้ข่าวสารในเดือนมีนาคม ที่ค่อนข้างหดหู่พอสมควร ก็ยังมีข่าวดีเล็กๆ ซ่อนอยู่ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 22,405 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผิดจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันไว้ว่าจะหดตัว แรงหนุนการส่งออกสินค้าไทยในเดือนมีนาคม 2563 มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ขยายตัว 0.2 %, การส่งออกสินค้าอีเลคทรอนิคส์ไทยที่กลับมาขยายตัวดีที่ 8.6 % ทดแทนจีนที่ปิดโรงงานการผลิตชั่วคราว ขณะที่การส่งออกสินค้าอีเลคทรอนิคส์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 มีแนวโน้มจะกลับมาหดตัว หลังปัจจัยชั่วคราวหมดไป และปัจจัยชั่วคราวอย่างการเหลื่อมเดือนของการส่งคืนอาวุธยุทธปัจจัย รวมถึงรถถัง และยานรบหุ้มเกราะที่นำเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เพื่อฝึกร่วมผสมทางทหารระหว่างกองทัพไทย กับสหรัฐฯ ในช่วงวันที่ 25 กุมภาพันธ์-6 มีนาคม 2563 การส่งออกสินค้าไทยที่กลับมาขยายตัว ช่วยหนุนภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/2563 ให้ขยายตัวเป็นบวก ในขณะที่การนำเข้าสินค้าของไทยช่วงไตรมาสที่ 1/2563 หดตัว 1.9 % จากการนำเข้าสินค้าทุนที่ลดลง ส่งผลให้ดุลการค้าในไตรมาสที่ 1/2563 ยังคงเกินดุลที่ 3,933.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2563
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ