คือ จำนวนยี่ห้อรถที่จะรวมอยู่ในบริษัทเกิดใหม่ หากคำประกาศเจตนารมณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าจะมีการรวมตัวกันระหว่างกลุ่ม FCA (FIAT CHRYSLER AUTOMOBILES) ของอิตาลี กับกลุ่ม PSA GROUP ของฝรั่งเศสไม่ได้เป็นแค่คำประกาศ บริษัทเกิดใหม่ที่จะถือหุ้นกันฝ่ายละครึ่งนี้ จะมี การ์โลส ตาวาเรส (CARLOS TAVARES) นายใหญ่คนปัจจุบันของฝ่ายฝรั่งเศสเป็นประธาน ส่วนกรรมการบริษัทจะมาจากฝ่ายฝรั่งเศส 6 คน และฝ่ายอิตาลี 5 คน เมื่อนับจากจำนวนรถที่ขายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 เป็นเกณฑ์ตัดสิน บริษัทเกิดใหม่ซึ่งขายรถได้ 4.2 ล้านคันนี้ จะมีฐานะเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ถัดจาก โฟล์คสวาเกน กรุพ (VOLKSWAGEN GROUP) โตโยตา (TOYOTA) และกลุ่ม เรอโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ (RENAULT-NISSAN-MITSUBISHI) ตามข้อมูลที่เผยแพร่ในนิตยสารรถ AUTO-CAR ของอังกฤษ ในรอบปี 2018 กลุ่ม FCA ซึ่งมีรถ 9 ยี่ห้อ คือ อบาร์ธ (ABARTH) อัลฟา โรเมโอ (ALFA ROMEO) ไครสเลอร์ (CHRYSLER) ดอดจ์ (DODGE) เฟียต (FIAT) จีพ (JEEP) ลันชา (LANCIA) มาเซราตี (MASERATI) และแรม (RAM) สามารถขายรถในทุกตลาดได้รวม 4.6 ล้านคัน มียอดขายประมาณ 3.800 ล้านล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 0.184 ล้านล้านบาท ส่วนกลุ่ม PSA ซึ่งมีรถ 5 ยี่ห้อ คือ ซีตรอง (CITROEN) เดแอส (DS) โอเพล (OPEL) เปอโฌต์ (PEUGEOT) และวอกซ์ฮอลล์ (VAUXHALL) ขายรถในทุกตลาดได้รวม 3.9 ล้านคัน มียอดขายประมาณ 2.560 ล้านล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 0.960 ล้านล้านบาท