ผลทดสอบต่างแดน
อัลฟา โรเมโอ สเตลวีโอ
อัลฟา โรเมโอ สเตลวีโอ ครอสส์โอเวอร์ หุ่นเร้าใจที่ใช้พแลทฟอร์มร่วมกับ อัลฟา โรเมโอ จูลีอา สปอร์ทซีดานขนาดกลาง เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส 2016 ให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกที่สวย สง่างาม ตามแบบอิตาเลียนสไตล์ มีการขับขี่และควบคุมบังคับที่เหนือคู่แข่งในตลาดอย่างชัดเจนการออกแบบภายนอก โดยเฉพาะด้านหน้ามีส่วนคล้ายรุ่น จูลีอา ขนาดตัวกะทัดรัด แฝงไว้ด้วยความบึกบึน การออกแบบภายในแฝงอารมณ์สปอร์ทที่เรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งาน แต่ขาดความหรูหราไปบ้าง เมื่อเทียบกับบรรดารถคู่แข่ง ตำแหน่งการนั่งขับขี่ทำได้ดี จอแสดงข้อมูลช่วงกลางคอนโซลมีขนาด 8.8 นิ้ว แบบไวด์สกรีนรองรับการเชื่อมต่อจากทั้ง IOS และ ANDROID โดยมีจอเล็กแทรกอยู่บนจอใหญ่สำหรับเป็น กล้องมองเวลาถอยหลัง เนื้อที่ภายในอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เส้นแนวหลังคาที่ลาดลงทำให้ผู้โดยสารด้านหลังอาจรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง และพนักพิงเบาะด้านหลังที่ตั้งตรงไปหน่อยทำให้ขาดความสะดวกสบายในยามเดินทางไกล พื้นที่เก็บของด้านท้ายรถค่อนข้างคับแคบ ส่วนเนื้อที่กระจกบริเวณประตูบานหลังที่แคบลง รวมไปถึงเสาด้านหลังทั้ง 2 ฝั่ง ค่อนข้างหนา ทำให้ขาดทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ไปพอสมควร การเก็บเสียงรบกวนที่จะเข้ามาในห้องโดยสารทำได้ดี การกระจายน้ำหนักหน้า/หลัง ทำได้ดีมากในระดับ 50:50 เลยทีเดียว มีผลทำให้ในขณะขับเข้าโค้งมีเสถียรภาพที่ดี แม้รูปทรงของรถสไตล์ครอสส์โอเวอร์จะมีข้อเสียในการต้านลม แต่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานทำได้ 0.30 เท่านั้นเอง ต้องให้เครดิทในการออกแบบรถที่แลดูบึกบึนใหญ่โต แต่ไม่ต้านกระแสลมยามใช้ความเร็วสูง ตัวรถมีน้ำหนักเบาจากการใช้วัสดุคุณภาพสูงในชิ้นส่วนต่างๆ บนตัวรถ เช่น การใช้วัสดุอลูมิเนียมบริเวณฝากระโปรงหน้า, บังโคลน, ช่วงล่าง, ฝาหลัง, เครื่องยนต์ ฯลฯ ทำให้ตัวรถที่มีขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักอยู่แค่ 1,660 กก. พอๆ กับเก๋งซีดาน ขุมพลังมีให้เลือกใช้ทั้งเบนซิน และดีเซล โดยเครื่องยนต์เบนซินมี 2 ขนาด 3 ระดับความแรง เริ่มจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มีกำลังเริ่มต้นที่ 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม. และรุ่น 280 แรงม้า 40.8 กก.-ม. ที่ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 14.3 กม./ลิตร นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซินตัวแรงซึ่งพัฒนาโดย แฟร์รารี เป็นแบบ วี 6 สูบ 90 องศา 2.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังถึง 510 แรงม้า แรงบิด 61.2 กก.-ม. ที่ 2,500-5,500 รตน. ที่สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 283 กม./ชม. ราวกับเป็นซูเพอร์คาร์ยกสูงกันเลยทีเดียว ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีอยู่ตัวเดียว คือ 4 สูบ 2.2 ลิตร แต่มี 2 ระดับความแรง คือ 150 และ 180 แรงม้า ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซลรุ่นปกติ จะขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง และมีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งถูกขนานนามว่า คิว 4 การทำงานจะเป็นแบบออลล์วีลดไรฟ การใช้งานตามปกติรถจะขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง แต่เมื่อมีอาการล้อหมุนฟรีเกิดขึ้นระบบก็จะส่งกำลังมายังล้อคู่หน้า โดยสามารถถ่ายทอดพละกำลัง หน้า/หลัง ได้สูงสุดถึง 50:50 การควบคุมบังคับของ สเตลวีโอ จะใกล้เคียงกับการขับรถซีดานแม้ว่าจะมีความสูงที่เพิ่มขึ้น แต่การยึดเกาะถนนทำได้อย่างมั่นคง ขับสนุก การเข้าโค้งทำได้แบบเฉียบคมสไตล์รถสปอร์ท ระบบรองรับเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ที่ได้รับการปรับเซทมาเป็นอย่างดีตามสไตล์บแรนด์ อัลฟา โรเมโอ มี DRIVE MODE SELECTOR เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ในรุ่นแรงๆ ยังมี RACE MODE ให้ใช้เพื่อความสะใจอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย ระบบห้ามล้อแบบจานทั้ง 4 ล้อให้การหยุดรถแบบสั่งได้ สปอร์ทครอสส์โอเวอร์จากแดนมักกะโรนีรุ่นนี้ น่าจะสร้างความประทับใจในการขับขี่อันเร้าใจสำหรับผู้หลงใหลความเร็วในรูปแบบของรถครอบครัวได้เป็นอย่างดี ความสวยงามภายนอกโดดเด่นไม่เป็นรองใคร มีเครื่องยนต์ที่หลากหลายให้เลือกตามที่ต้องการใช้งาน แถมมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้ใช้กันด้วย ยอดขายรถ อัลฟา โรเมโอ สเตลวีโอ น่าจะทำได้อย่างน่าพอใจแม้จะเป็นรองคู่แข่งเจ้าตลาดที่ทำมานาน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของค่ายงูกินเด็กในการพัฒนาคุณภาพสินค้าต่อไป
คุณรู้หรือไม่ ?
สเตลวีโอ มีที่มาจากชื่อเส้นทาง STELVIO PASS บนเทือกเขาแอลป์ ในแถบตอนเหนือของอิตาลี ที่เต็มไปด้วยโค้งหักศอกโหดๆ ถึง 48 โค้ง ที่ท้าทายฝีมือผู้ขับขี่ สะท้อนถึงสมรรถนะการควบคุมที่ดี โดยเฉพาะในขณะเข้าโค้งของรถรุ่นนี้ABOUT THE AUTHOR
จ
จูลีเอตตา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2562
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน