ผลทดสอบต่างแดน
ฟอร์ด เอสเคพ 2.0 อีโคบูสต์ ครอสส์โอเวอร์สายพันธุ์แกร่ง
ฟอร์ด เอสเคพ สายพันธุ์แรกเริ่มผลิตออกจำหน่ายในปี 2000 เป็นการพัฒนารถร่วมกันระหว่างค่าย ฟอร์ด และมาซดา ญี่ปุ่น ซึ่งออกรุ่น ทรีบิวท์ ที่เปรียบเสมือนเป็นคู่แฝดกับ ฟอร์ด เอสเคพ โดยทาง มาซดา เป็นผู้ผลิตและพัฒนาเครื่องยนต์ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อใช้ร่วมกัน ส่วนโครงสร้างหลักของตัวรถ ทางค่าย ฟอร์ด จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เป็นรถยนต์ที่ขายดีมากในแถบอเมริกาเหนือ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนมีสายพันธุ์ที่ 2 และ 3 ตามออกมาอย่างต่อเนื่องรุ่นที่เราจะพูดถึงนี้เป็นสายพันธุ์ที่ 3 ของ เอสเคพ มาพร้อมรูปทรงภายนอกที่สวยงาม บึกบึน สไตล์อเมริกัน ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่ 102 ลูกบาศก์ฟุต ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ไม่ถึงกับกว้างขวางเป็นพิเศษ เนื้อที่สำหรับผู้โดยสารเบาะหลังยังเป็นรองครอสส์โอเวอร์ระดับหัวแถวจากญี่ปุ่น แต่ เอสเคพ จะเหนือกว่า ในเรื่องของโครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้ความปลอดภัยสูงในระดับ 5 ดาว จากมาตรฐานการทดสอบโดยหน่วยงาน NHTSA ส่วนห้องเก็บสัมภาระมีเนื้อที่ 34 ลูกบาศก์ฟุต เพียงพอต่อการใช้งานในสไตล์รถแบบครอสส์โอเวอร์ ระบบ SYNC3 จะเป็นตัวควบคุมการทำงานของหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงอันคุ้นเคย ฟอร์ด เอสเคพ มีพละกำลังให้เลือกถึง 3 ระดับด้วยกัน คือ 4 สูบ 2.5 ลิตร 168 แรงม้า, 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ อีโคบูสต์ 179 แรงม้า และตัวสุดท้าย 4 สูบ 2.0 ลิตร อีโคบูสต์ 245 แรงม้า ในทุกรุ่นจะมีระบบขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบออลล์วีลดไรฟ จะเป็นอุปกรณ์พิเศษให้เลือกติดตั้งเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบเท่านั้น เราได้นำ เอสเคพ รุ่น 245 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาทดลองขับ เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแบบทวิน-สโกรลล์ อีโคบูสต์ 16 วาล์ว ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ บลอคเครื่องและฝาสูบทำจากอลูมิเนียม จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแบบไดเรคท์อินเจคชัน ให้กำลังสูงสุดถึง 245 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 38.0 กก.-ม. ที่ 3,000 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดแมนวลชิฟท์ ให้พละกำลังที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ขับสนุก แถมยังมีพละกำลังในการลากจูงถึง 3,500 ปอนด์ ช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการทำกิจกรรมกลางแจ้งรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เทียบกับในบรรดารถระดับเดียวกัน สมรรถนะความแรงของคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ ฟอร์ด เอสเคพ ตัวนี้เป็นรองแค่ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เทอร์โบ เท่านั้น ที่มีม้ามากกว่าแค่ 5 ตัว แต่ ซูบารุ เป็นรองในเรื่องแรงบิดที่มีน้อยกว่า เอสเคพ อยู่ 2.4 กก.-ม. เป็นคู่ปรับที่เหมาะสมกันมากทั้งในเรื่องของพละกำลังที่มีเทอร์โบเป็นตัวช่วยอัดอากาศ และเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยกันทั้งคู่ เอสเคพ ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใช้เวลาแค่ 7.1 วินาที ช่วง 0-160 กม./ชม. ใช้เวลา 22.7 วินาที ระยะควอร์เตอร์ไมล์ ทำได้ใน 15.6 วินาที ที่ความเร็วปลาย 138 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดทำได้ 186 กม./ชม. การควบคุมบังคับทำได้อย่างแม่นยำ ผู้ขับพอจะคาดเดาอาการรถได้ไม่ยากเย็นนัก การให้ตัวของโครงสร้างตัวถังอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี ความรู้สึกที่พวงมาลัยให้การตอบสนองที่รวดเร็ว การควบคุมรถในย่านความเร็วสูงเป็นไปด้วยดี ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ระยะเบรคจากความเร็ว 112 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง ใช้ระยะทาง 184 ฟุตเท่านั้นเอง ให้ความปลอดภัยในการขับขี่สูง อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน EPA ในเมืองทำได้ 8.5 กม./ลิตร ส่วนไฮเวย์ทำได้ 11.5 กม./ลิตร เติมน้ำมันเต็มถังสามารถวิ่งไปได้ไกลถึง 640 กม. ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่มีความโดดเด่นนักในเรื่องความประหยัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักตัวที่มากถึง 1.7 ตันเลยทีเดียว ฟอร์ด เอสเคพ ก็ยังเป็นคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ที่มียอดขายสูงมากเช่นเดียวกับใน 2 สายพันธุ์แรก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา ตอบสนองความอเนกประสงค์ในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ทั้งในวันทำงาน และวันหยุดพักผ่อน โดดเด่นในเรื่องอัตราเร่ง มีการทรงตัวที่มั่นคง ระบบเบรคที่ไว้ใจได้ แม้ว่าจะมีขนาดพื้นที่ในห้องโดยสารที่ยังคงเป็นรองบรรดารถคู่แข่งอยู่บ้าง แต่ก็เหนือชั้นในเรื่องความปลอดภัยที่เชื่อใจได้ในยามเกิดอุบัติเหตุ
คุณรู้หรือไม่ ?
ฟอร์ด เอสเคพ รุ่นนี้ติดตั้งยางสปอร์ทแบบแก้มเตี้ย 235/45 ขนาด 19 นิ้ว มีส่วนทำให้การยึดเกาะถนนโดยทดสอบบนสกิดแพดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 300 ฟุต ทำได้ .84 จี ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว เหนือกว่ามาตรฐานรถครอสส์โอเวอร์ทั่วไปABOUT THE AUTHOR
จ
จูลีเอตตา 4wheels
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2561