ผลทดสอบต่างแดน
ฟอร์ด เอฟ-150 ต้นตำรับฟูลล์ไซซ์พิคอัพ พันธุ์แกร่ง
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี ผลิตรถทรัคขนาดฟูลล์ไซซ์ รุ่น เอฟ-ซีรีส์ มาตั้งแต่ปี 1948 และได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย จนถึงรุ่นปัจจุบัน เอฟ-150 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ 13 ก็ยังคงครอบครองรางวัล 10 รถกระบะยอดเยี่ยมประจำปี 2018เอฟ-150 ใหม่ มีขนาดมิติตัวรถใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้านี้ ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่ 136 ลูกบาศก์ฟุต ได้รับการปรับปรุงเพิ่มขึ้นในเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และน้ำหนักตัวที่ลดลงเกือบ 340 กก. จากการเปลี่ยนวัสดุโครงสร้างตัวถังจากเหล็กมาเป็นอลูมิเนียมในหลายๆ ส่วนด้วยกัน แต่เฟรมหลักยังคงเป็นเหล็กที่มีความทนทานสูงเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เอฟ-150 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือก 2 ขนาดด้วยกัน คือ 3.3 ลิตร วี 6 สูบ แรงบิดสูงสุด 36.6 กก.-ม. และ 2.7 ลิตร ทวินเทอร์โบ วี 6 สูบ แรงบิด 55.3 กก.-ม. ส่วนทางด้านเครื่องยนต์ดีเซล มี 3 ขนาด คือ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ 60.8 กก.-ม./ทวินเทอร์โบ 3.5 ลิตร วี 6 สูบ 65.0 กก.-ม. และสุดท้ายเป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ วี 8 สูบ 5.0 ลิตร 55.3 กก.-ม. ในทุกรุ่นจะติดตั้งระบบถ่ายทอดกำลังแบบอัตโนมัติ 10 จังหวะแบบใหม่ โดยเครื่องยนต์และระบบเกียร์ติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถ อุปกรณ์หลายอย่างทำจากวัสดุน้ำหนักเบา เพื่อลดน้ำหนักตัวลง ส่วนระบบทัชสกรีน อินโฟเทนเมนท์, WI-FI, 4G, อแดพทีฟ ครูสคอนทโรล รวมไปถึง ระบบห้ามล้อฉุกเฉินอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์พิเศษที่สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้ เราจะมาทดลองขับรุ่นดีเซล ตัวทอพ คือ รุ่นพแลทินัม ตัวถังสปอร์ททำจากอลูมิเนียม เครื่องยนต์ วี 8 สูบ 5.0 ลิตร ไร้ระบบเทอร์โบช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยวิศวกรของ ฟอร์ด เคลมว่า ร้อยละ 65 ของผู้ซื้อ เอฟ-150 จะเลือกเครื่องยนต์ วี 6 สูบ อีโคบูสต์ ทวินเทอร์โบ ปี 2017 โดยอีกร้อยละ 30 เลือก 3.5 ลิตร และร้อยละ 35 ที่เหลือเลือกรุ่น 2.7 ลิตร เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร วี 8 สูบ 32 วาล์ว บลอคเครื่องและฝาสูบทำจากวัสดุอลูมิเนียม ได้รับการอัพเกรดมาเป็น 395 แรงม้า แรงบิด 55.3 กก.-ม. โดยหัวฉีดแบบจ่ายตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ความทนทาน รวมไปถึงการลดปริมาณไอเสีย เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ซึ่งมีโหมดเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองติดตั้งมาด้วย ฐานล้อมีขนาด 145 นิ้ว ความสูงของตัวรถ 77.2 นิ้ว ติดตั้งยางแบบออลล์ เทอร์เรน ขนาด 275/55 อาร์ 20 แม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวรถถึง 2.4 ตัน แต่อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที เท่านั้นเอง ส่วน 0-160 กม./ชม. ใช้เวลา 14.9 วินาที อัตราเร่งระยะควอร์เตอร์ไมล์ทำได้ 14.4 วินาที ที่ความเร็วปลาย 157 กม./ชม. ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. ทางด้านสมรรถนะเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด 5.3 ลิตร เกียร์ 8 จังหวะ 0-96 กม./ชม. ทำได้ 5.7 วินาที ระยะควอร์เตอร์ไมล์ 14.3 วินาที ในขณะที่ ซิลเวอราโด วี 8 สูบ 6.2 ลิตร ทำได้ 5.6 วินาที และ 14.0 วินาที ตามลำดับ ถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ระยะเบรคจากความเร็ว 112 กม./ชม. จนถึงจุดหยุดนิ่ง ใช้ระยะทาง 180 ฟุต ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ การยึดเกาะถนนทดสอบบนสกิดแพด ระยะ 300 ฟุต ทำได้ 0.80 จี ข้อดีของ เอฟ-150 รุ่นใหม่ล่าสุด คือ มีการขับขี่ที่นุ่มนวลต่อเนื่อง เครื่องยนต์ตอบสนองรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แต่จากขนาดตัวรถที่ใหญ่ ทำให้ขาดความคล่องตัวในการใช้งาน บางครั้งอาจลำบากในการหาที่จอดรถ และไม่ให้ความสปอร์ทในการขับขี่เท่าที่ควร เอฟ-150 ใหม่ ก็ยังคงครองใจผู้ที่ชื่นชอบใช้รถประเภทนี้ ได้รับการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ภายในห้องโดยสารหรูหราใกล้เคียงรถเก๋ง น้ำหนักตัวรถที่เบาลงไปมาก การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น้อยลง ฯลฯ ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความสนใจ และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในทุกยุคทุกสมัย โดยมีคู่แข่งจากบรรดารถทรัคสัญชาติเดียวกันเป็นหลัก
คุณรู้หรือไม่ ?
เอฟ-150 ได้รับการพัฒนาในหลายๆ ส่วน เช่น การลดน้ำหนักตัวลงกว่า 300 กก. การปรับปรุงเครื่องยนต์ ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มีผลให้รถรุ่นนี้วิ่งไปได้ไกลถึงเกือบ 700 กม. แม้ว่าตัวรถจะหนักถึง 2.4 ตันABOUT THE AUTHOR
จ
จูลีเอตตา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน