เทคโนโลยี เอฟ-เซลล์ คอนเซพท์ เพื่อการขับเคลื่อนที่เป็นมิตร

เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นอีกค่ายที่ให้ความสำคัญในการพัฒนารถยนต์มลพิษต่ำไปจนถึงไร้มลพิษ และผลักดันสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องอีกค่ายหนึ่ง เห็นได้จากการทำตลาดในบ้านเรา หลังจากเปิดตัวรถประเภทนี้ในต่างประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มาขึ้นโชว์รูมบ้านเราแล้ว รถบางรุ่นก็เปิดตัวในบ้านเราเป็นที่แรก หรือในภูมิภาคก็มีไม่น้อย ช่วงระยะเวลา 2-3 ปีรถประเภทพลัก-อิน ไฮบริดของค่ายได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะลูกค้าเล็งเห็นถึงสมรรถนะ ความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของตัวรถ โดยเฉพาะเรื่องของสมรรถนะของตัวรถที่มีการตอบสนองดีเกินคาดในแง่ของอัตราเร่ง และเรื่องความประหยัด เมื่อใช้งานในโหมด EV นั้นยิ่งทำให้ลูกค้าประทับใจมากขึ้นไปอีก

เทคโนโลยีฟิวล์เซลล์ รุ่นล่าสุด

เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี เอฟ-เซลล์ คอนเซพท์ (MERCEDES-BENZ GLC F-CELL CONCEPT) ใช้เทคโนโลยีแบบฟิวล์เซลล์ ในรถพลัก-อิน ไฮบริด สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ขับเคลื่อนและชาร์จแบตเตอรี ซึ่งตามปกติแล้วรถยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด ของค่ายนั้น จะใช้เจเนอเรเตอร์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ขับเคลื่อน และประจุไฟกลับไปยังแบทเตอรี   สำหรับอุปกรณ์ระบบขับเคลื่อนต้นแบบนี้ เมื่อเทียบกับรถฟิวล์เซลล์ที่ผ่านๆ มาจะมีความกะทัดรัด และน้ำหนักเบากว่า เมื่อเทียบกับ บี-คลาสส์ เอฟ-เซลล์ (B-CLASS F-CELL) จะมีขนาดเล็กกว่าประมาณ 30 % สิ่งสำคัญ คือ การพัฒนาเพื่อลดการใช้พแลทินัมในระบบ ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 90 % สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ ชุดแบทเตอรีที่ไม่ต้องใช้แบบที่มีความจุมากๆ เพราะการผลิตกระแสไฟฟ้าทำได้เพียงพอกับการใช้งาน สามารถลดระยะเวลาขณะชาร์จตามสถานีชาร์จ หรือชาร์จตามบ้านได้มาก เพราะไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แบบชาร์จเร็ว    

ใช้ถังไฮโดรเจนน้ำหนักเบา รับแรงดันได้สูง

เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของ ไดมเลร์ และฟอร์ด ในชื่อ "AUTOMOTIVE FUEL CELL COOPERATION" (AFCC) สามารถผลิตชุดฟิวล์เซลล์ สแตค ที่มีขนาดกะทัดรัด ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (ASYNCHRONOUS) ที่มีกำลังสูงถึง 147 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 197 แรงม้า สำหรับถังบรรจุไฮโดรเจนนั้นเป็นถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรง และมีน้ำหนักเบา รับแรงดันได้ถึง 1,100 PSI มีความจุแกสไฮโดรเจนได้ 4.4 กก. การใช้ไฮโดรเจนมาทำปฏิกิริยาในการผลิตกระแสไฟฟ้านั้นมีประสิทธิภาพสูง การเติมก็ใช้เวลาสั้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น สำหรับแบทเตอรีที่มีประจุไฟเต็มและไฮโดรเจนเต็มถัง จะสามารถวิ่งได้ประมาณ 430 กม. สำหรับการวิ่งด้วยพลังไฟจากแบทเตอรีอย่างเดียวจะวิ่งได้ในระยะทางราว 49 กม. การประจุไฟนั้นใช้เวลาเพียง 90 นาทีเท่านั้น    

สามารถเลือกใช้งานได้ถึง 4 โหมด

การขับเคลื่อนจะมี 4 โหมดการทำงาน โหมด HYBRID จะเป็นการทำงานผสมผสานระหว่างระบบไฟฟ้า และเครื่องยนต์ โหมด F-CELL ใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง หรือฟิวล์เซลล์ โหมด EV จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบทเตอรี และโหมด CHARGE ในอนาคตอันใกล้นี้เราน่าจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีดังกล่าว