DIY...คุณทำเองได้
ระบบระบายความร้อน เชคให้เป็น ไม่ต้องกินข้าวลิงกลางทาง
ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากเป็นรถใหม่ป้ายแดง ก็หมดห่วง เข้าศูนย์บริการตรวจเชคตามระยะก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้เข้าศูนย์บริการ แล้วมีอายุการใช้งานนานหลายปี ก็ต้องดูแลกันให้ดี DIY...คุณทำเองได้ฉบับนี้ มีวิธีตรวจเชคระบบระบายความร้อน มาฝาก
เครื่องยนต์ "ฮีท" อย่าฝืนขับต่อ
เครื่องยนต์ "ฮีท" เราสามารถทราบได้ทันที จากเข็มวัดความร้อนอุณหภูมิเครื่องยนต์ ที่จะขึ้นสูงกว่าปกติ หรือมีสัญลักษณ์เทอร์โมมิเตอร์สีแดงโชว์ขึ้นมา ให้รีบจอดรถ และดับเครื่องทันที และให้เปิดฝากระโปรงรถ เพื่อตรวจหาสาเหตุ อาการที่พบได้บ่อย คือ สายยางหม้อน้ำหลวม หรือหลุด ทำให้น้ำหล่อเย็นไหลออก แก้ไขโดยหาเชือก หรือหนังยาง มารัดให้แน่น แล้วรอให้เครื่องยนต์เย็น (ประมาณ 30 นาที หรือมากกว่านั้น) แล้วจึงเติมน้ำลงในหม้อน้ำให้เต็ม ส่วนอีกกรณี น้ำหล่อเย็นแห้ง ไม่มีน้ำในหม้อพัก อาจมีสาเหตุมาจากน้ำในหม้อพักแห้งเร็วผิดปกติ แล้วไม่ได้เติมน้ำให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย หากตรวจดูแล้วว่า ไม่มีส่วนไหนรั่วซึม หรือแตกหัก ก็รอให้เครื่องยนต์เย็น แล้วจึงเติมน้ำเข้าไปที่หม้อน้ำโดยตรง แล้วค่อยๆ ขับไปที่ร้านไดนาโม หรืออู่ซ่อมรถ เพื่อตรวจหาสาเหตุ แต่ถ้าไม่ทราบสาเหตุจริงๆ หรือไม่สามารถซ่อมเองได้ในเบื้องต้น เช่น หม้อน้ำแตก พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน วาล์วน้ำตาย ก็อย่าฝืนขับต่อ แนะนำให้เรียกรถลากไปยังอู่ซ่อม หรือศูนย์บริการดีที่สุด เพราะถ้าฝืนขับต่อ อาจทำให้เครื่องยนต์ "นอค" ฝาสูบโก่งได้ เสียค่าซ่อมหลักหมื่นบาท หรือถึงขั้นต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใช้น้ำยาหล่อเย็น ตรวจเชคได้ง่ายขึ้น
"น้ำยาหล่อเย็น" แต่ก่อนยังไม่เป็นที่รู้จัก และยังไม่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายเหมือนเช่นทุกวันนี้ ในรถยุคก่อน จึงใช้เพียงแค่ "น้ำเปล่า" เติมเพื่อระบายความร้อนเครื่องยนต์ ข้อเสียของน้ำเปล่า คือ ทำให้เกิดสนิม และกัดกร่อนโลหะ เมื่อน้ำเดือดจะระเหยกลายเป็นไอ ทำให้ระดับน้ำลดลง ต้องคอยตรวจเชคน้ำอยู่บ่อยๆ น้ำยาหล่อเย็นมีข้อดีหลายอย่าง คือ ช่วยลดจุดเยือกแข็ง (เหมาะกับเมืองหนาว) ป้องกันสนิม และหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เสียดสีกันภายในระบบ อีกทั้งสีของน้ำยาหล่อเย็น เป็นสีสะท้อนแสง เช่น สีเขียว ชมพู ฟ้า เป็นต้น เมื่อมีจุดไหนรั่วซึม จะเห็นคราบน้ำยาหล่อเย็นเกาะติดอยู่บริเวณนั้น ทำให้สังเกตได้ง่ายขึ้นรถที่ติดตั้งแกส หมั่นตรวจเชค "หม้อต้ม" เป็นประจำ
นอกจากการตรวจเชคอุปกรณ์ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ต่างๆแล้ว รถที่ติดตั้งระบบแกส ทั้ง แอลพีจี และ ซีเอนจี ต้องหมั่นตรวจดูที่หม้อต้มแกสด้วย เพราะมีระบบน้ำยาหล่อเย็นไหลผ่านในจุดนี้ เพื่อช่วยระบายความร้อน สิ่งที่พบได้บ่อย คือ ข้อต่อ หรือสายยาง ในจุดที่ เข้า/ออก หม้อต้มเสื่อมสภาพ ทำให้มีน้ำรั่วซึม ต้องเปลี่ยนสายยาง หรือใช้ไขควงขันสายรัดเข็มขัดให้แน่น และที่หม้อต้ม มีจุดที่มีน้ำรั่วซึมออกมา จนแห้งกลายเป็นคราบ ต้องรีบเปลี่ยนหรือซ่อมอุปกรณ์
1. ถุงมือ 2. ไขควง 3. น้ำสะอาดขั้นตอนตรวจเชคระบบระบายความร้อน (ข้อ1.-4. ทำขณะเครื่องยนต์เย็น)
1. ตรวจเชคระดับน้ำหล่อเย็นในถังพักน้ำ ควรเติมให้อยู่ระดับ "FULL" และเชคฝาปิด น้ำต้องไม่รั่วซึมออกมา 2. เปิดฝาหม้อน้ำ ตรวจเชคพลาสติค ยางรอง และสปริงที่อยู่ใต้ฝา ถ้าขาด หรือเปื่อย ต้องเปลี่ยน 3. ใช้นิ้วกวาดรอบๆ บริเวณปากคอของหม้อน้ำ ว่ามีตะกรันเกาะหนาหรือไม่ ถ้ามีเยอะ ต้องทำความสะอาดหม้อน้ำ 4. ตรวจดูสภาพของหม้อน้ำในส่วนที่เป็นพลาสติค (รถรุ่นใหม่ๆ จะเป็นพลาสติค) ถ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา (เดิมสีดำ) หรือมีรอยแตกลายงา ให้เปลี่ยนหม้อน้ำได้เลย 5. สตาร์ทเครื่องยนต์ รอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติ (สังเกตจากมาตรวัด) แล้วใช้มือบีบท่อยางที่เข้าและออกจากหม้อน้ำ ต้องไม่ปริแตก หรือมีสภาพแข็ง 6. ตรวจดูข้อต่อต่างๆ ของสายยางหม้อน้ำ ต้องไม่มีคราบน้ำยาหล่อเย็นรั่วซึมออกมา ถ้ามีให้รัดเข็มขัดท่อยางใหม่ 7. ตรวจเชคสายพาน ที่หมุนปั๊มน้ำ ต้องไม่หย่อนจนเกินไป และเชคพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ ต้องหมุนเร็ว นิ่ง และไม่แกว่ง 8. "วาล์วน้ำ" จะอยู่ภายใน เราไม่สามารถเชคจากภายนอกได้ ต้องถอดอุปกรณ์ส่วนอื่นออกก่อน แนะนำให้เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน ไม่เกิน 150,000 กม. หรือตามที่คู่มือระบุABOUT THE AUTHOR
พ
พีรพัฒน์ อินทมาตย์
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวชนิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : DIY...คุณทำเองได้