MERCEDES-BENZ E-CLASS ALL-TERRAIN

เยอรมนี-ยอดผู้ผลิตรถหรูเมืองเบียร์เอาใจคนรักรถชอบลุย เปิดตัวรถตรวจการณ์แบบใหม่ ซึ่งสามารถลุยไปในทุกที่ที่รถตรวจการณ์ทั่วไปยกธงขาว มีกำหนดอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด แต่ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2017 จึงจะเริ่มการจำหน่าย   นอกเหนือจากรถซูเพอร์คาร์ 2 โมเดลที่เพิ่งผ่านตาไป รถใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกแบบหนึ่งที่ค่าย "ดาวสามแฉก" ประกาศตั้งแต่ตอนกลางเดือนกันยายนของปีลิงไต่ราว ว่าจะนำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส ซึ่งมีกำหนดเปิดงานตอนปลายเดือนเดียวกัน คือ รถติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ออลล์-เทอร์เรน (MERCEDES-BENZ E-CLASS ALL-TERRAIN) อันเป็นที่ใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน   เป็นรถเก๋งตรวจการณ์กึ่งรถกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์บอกว่าทำขึ้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของรถเก๋งตรวจการณ์ ที่หมดทางเลือกอื่นนอกจากหันรถกลับหรือเปลี่ยนเส้นทาง เมื่อเจอะเจอถนนหนทางที่ขรุขระยิ่งกว่าลูกคลื่น หรือเต็มไปด้วยก้อนกรวดก้อนหิน หรือเป็นทางลาดชันเกินการปีนป่าย เนื่องจากรถแบบใหม่นี้เป็นรถที่สามารถผสมผสานคุณลักษณะลุยได้ทุกที่ ขับขี่ได้ทุกวัยของรถกิจกรรมกลางแจ้ง เข้ากับห้องโดยสารอันกว้างขวางของรถเก๋งตรวจการณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของรถเก๋งตรวจการณ์ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ที-โมเดลล์ (MERCEDES-BENZ E-CLASS T-MODELL) ซึ่งเป็นที่มา รวมทั้งการยกพื้นรถให้สูงขึ้น และการติดตั้งระบบขับเคลื่อนทุกล้อ 4MATIC เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน   ตัวถังที่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมายทั้งภายนอกและภายใน มีจุดที่ดูแปลกไปจากรถซึ่งเป็นที่มาอยู่หลายจุด ตัวอย่าง แผงกระจังหน้าที่ออกแบบขึ้นใหม่ เป็นกระจังหน้าแบบสองครีบเคลือบสีเงิน IRIDIUM SILVER และมีดาวสามแฉกขนาดใหญ่ประดับอยู่ตรงกลาง กันชนท้ายที่ทำเป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุดเคลือบสีตัวถัง ส่วนชั้นล่างเป็นพลาสติคสีดำสนิท และกระทะล้อขนาด 19 นิ้ว และ20 นิ้ว ที่มีให้เลือก 3 แบบ 3 ลาย   ในระยะแรกที่ออกตลาดจะมีรถให้เลือกโมเดลเดียว คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 220 ดี 4 เมทิค (MERCEDES-BENZ E 220 D 4MATIC) ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,950 ซีซี ที่ค่ายนี้เพิ่งออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ ให้กำลังสูงสุด 143 กิโลวัตต์/194 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร/40.8 กก.-ม. ที่ 1,600-2,800 รตน. สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 232 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.1 ลิตร/100 กม. หรือ 19.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่น่าพอใจมาก คือ มีค่าเฉลี่ย 137 กรัม/กม. เท่านั้นเอง ที่จะตามมาในเวลาไม่นานจนเกินรอ คือ โมเดลซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล วี 6 สูบ รถทั้ง 2 โมเดลนี้ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ