ร่มไม้ชายศาล
รถเถื่อน/ปะทะ
"ปะทะ" ในที่นี้ไม่ใช่สงคราม การบ้านการเมือง หรือขาโจ๋ หมั่นทุบนักท่องเที่ยว ให้ชาวต่างชาติ เผ่นหนี ไม่มาเยือน แล้วเราก็อดอยากถ้วนหน้า เวรแท้ๆ เจ้านายต้องใส่ใจแก้ไขแล้วละ อย่าทำเฉย
ส่วนเหตุปะทะที่ผมขอเมาท์อีกอย่าง คือ "รถส่วนตัว" จำพวก "รถเก๋ง" ชอบปะทะสิ่งกีดขวางในบ้านเรา จน "ชัย ราชวัตร" นำมาแฉด้วยภาพการ์ตูน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นเป็นรายวัน วันละไม่รู้กี่ราย ประเทศไทยจึงมีจุดอ่อนแบบนี้ร่ำไป
กลางเดือนเมษายน 2559 เก๋ง โตโยตา หนุ่มใหญ่วัย 33 ขับรถแข่งกับ ฮอนดา ขนาดเดียวกัน แถวนครศรีธรรมราช หากจำไม่ผิด ผลคือ โตโยตา เสียหลัก ปะทะต้นไม้ขนาดเขื่อง รถแหลกไม่มีชิ้นดี หนุ่มๆ บนรถ ญาติพี่น้องกัน รวม 4 ชีวิต "ตายเรียบ" ฮอนดา ปลิวข้ามถนนไปตามเรื่อง แต่โชคดี คนขับมาเดี่ยว ไม่ตาย
จำได้ "นิกิ เลาดา" แชมพ์โลกกรังด์ปรีซ์ เจ้าของสายการบิน เครื่องเคยมาตกที่เมืองไทย พูดทำนองว่า
"การขับรถบนถนนหลวงทั่วไปไม่ใช่สนามแข่ง น่ากลัว รถที่ขับก็ห่วย ถนนมักจะห่วย คนขับ รถอื่นๆ ก็มีห่วย ขับแบบรถแข่ง ก็ไม่ได้สตางค์ แล้วหาเรื่องตายทำไมละสู"
สภาพถนนบ้านเราอย่างที่รู้ ข้างทางยังมี "ต้นไม้" โรยหน้าไว้ให้ดูว่าเรารักป่า มีเสาไฟฟ้า มีคอนกรีทกั้นขอบทาง ไม่ใช่ยางรถยนต์เก่านุ่มๆ ล้วนเป็น "จุดตาย" เมื่อพากันซิ่ง ไม่รักชีวิต รถเหินข้ามเกาะกลางถนนก็อีกอย่าง มีทุกวัน
"ทำอย่างไร" จึงจะลดการสูญเสียเรื่องเหล่านี้ลงได้ นอกจากจิตสำนึกของคนใช้รถแล้ว "รัฐ" น่าจะออกจากห้องแอร์ หาทางแก้ เพื่อเซฟชีวิตทรัพย์สินของคนไทยบ้าง ดีไหมเอ่ย
คดีนี้จำเลย คือ "นายหรูชะมัด" ซึ่งเป็นคนบ้านเรา ค่อนข้างรักษาหน้าตา จนฝรั่งเริ่มจับไต๋ได้ว่าอะไรตูต้องหรูไว้ก่อน จึงตะเกียกตะกายจนได้รถหรู แต่หนีภาษีทั้งดุ้นมาขี่ แล้วโดนเจ้าหน้าที่ตะครุบได้ไม่ยาก อย่างที่ป็นข่าวฮือฮาในช่วงนี้
นายหรูชะมัด เป็นมวยพอตัว รีบทำหนังสือขอระงับคดีในชั้นศุลกากร ยินยอมยกของกลางให้ตกเป็นของแผ่นดินตาม พรบ. ศุลกากร พศ. 2463 มาตรา 102 ไม่ทันกาล คดีไปตกที่อัยการ มีการยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา
จำเลย นายหรูชะมัด โดนหลักฐานมัดคอ ไม่มีทนายหัวหมอเยอะๆ ดึงเกมให้ จึงยอมรับสารภาพผิดต่อศาล ในใจหวังกินของถูก ได้ผลพอสมควร
ศาลชั้นต้นขึ้นนั่งบัลลังก์เห็นหน้าทุกฝ่าย ด้วยลีลาเข้มให้ดูขลัง พิจารณาตามขั้นตอน แล้วตัด สินเอาผิด นายหรูละมัด ลงโทษตาม พรบ.ศุลกากร พศ. 2469 มาตรา 27 ทวิจำคุกตั้ง 4 ปี ปรับอีก 3,416,170.04 บาท รับแต่โดยดี มีลดกึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี ค่าปรับก็ลดกึ่ง เหลือ 1 ล้าน 7 แสนกว่าบาท รอลงอาญา 2 ปีจ่ายรางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่ร้อยละ 20 เมื่อจำเลยควักสตางค์จ่ายค่าปรับแล้ว ถ้าจำเลยไม่จ่ายค่าปรับ ก็กักขังไม่เกิน 2 ปี ที่โจทก์ขอให้ริบรถ ได้ความกรมศุลกากรตกลงกับจำเลย รับไว้เป็นของแผ่นดินแล้ว จึงไม่อาจสั่งริบซ้ำอีก
โดนทั้งริบรถ โดนทั้งค่าปรับ นายหรูชะมัด อยู่ไม่ได้ ให้ทนายยื่นอุทธรณ์ อ้างว่ากรมศุลกากรตกลงระงับคดีอาญาแล้ว อัยการหมดสิทธิฟ้อง
ด่านที่ 2 ศาลอุทธรณ์หยิบสำนวนมาอ่านในห้องทำงาน แล้วเห็นตามที่จำเลยโอดโอย จึงพิพากษากลับ จำหน่ายคดีจากสารบบความ
ด่านสุดท้ายยังมี อัยการโจทก์ยืนขวาง ยื่นฎีกาขึ้นไป
ศาลฎีกา หนีไม่ออก แม้คดีเยอะจัด กัดฟันอ่านสำนวนที่มาถึงคิว แล้วชี้ขาดด้วยความเชี่ยวชาญ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า อัยการโจทก์เขาฟ้อง นายหรูชะมัด ต่อศาล ก่อนอธิบดีกรมศุลกากรจะมีคำสั่งอนุมัติให้ระงับคดี มันล่วงเลยระยะเวลาที่อธิบดีกรมศุลกากรจะสั่งให้งดการฟ้องร้อง โดยอาศัย ม. 102 พรบ. ศุลกากร ฟ้องของอัยการโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้อง ให้จำหน่ายคดี ศาลฎีกาไม่เอาด้วยหรอก
จึงแล้วยอมเวียนหัวตอนแก่อีกหน พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น นายหรูชะมัด โดนอ่วมพอสมควร ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ก็โดนกักขังยาวละนะ
ใช้รถแบบพอเพียง ตามกำลังความสามารถ ทุกวันนี้คนไม่สนใจรถหรู แบบเหลียวหลังมองแล้วล่ะครับ มันเอียน ขับรถก็เอาแค่พอไปพอมาให้ปลอดภัย ไม่มีใครเขาเห็นว่าเอ็งเก่งอีกแล้ว มีแต่คอย สมน้ำหน้า เชื่อเหอะลูกพี่
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15180/2551
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล