ยอดการขายรถยนต์ในเดือนมกราคม ขายกันได้เพียง 50,558 คัน ลดลง 13.6 % แม้ว่าเมื่อเดือนธันวาคม ปีก่อน ขายกันถึง 97.317 คัน เป็นผลกระทบมาจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่ค่ายรถยนต์พยายามประวิงเวลาที่จะขึ้นราคาให้ได้มากที่สุด ยอมเฉือนเนื้อตัวเอง ตัดเอาส่วนเงินภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่ม มาเป็นงบส่งเสริมการขายกันถ้วนหน้า เพราะการแข่งขันช่วงชิงผู้บริโภค ยังอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนแรงอยู่แต่โดยรวมแล้ว ปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ได้แก่ การลงทุนภาครัฐที่จะเดินหน้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้บริโภคส่วนหนึ่ง ภาคการท่องเที่ยวก็ยังคงมีแนวโน้มสดใส การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะมีต่อเนื่องตลอดทั้งปี ค่ายรถยนต์น่าจะมีการใช้กลยุทธ์กระตุ้นยอดขายที่ยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องไปอีกปี นอกจากนี้รถจากโครงการรถยนต์คันแรกเริ่มปลดลอคในปีนี้เป็นปีแรก ทำให้ผู้ซื้อรถที่มีศักยภาพ มีโอกาสเปลี่ยนรถใหม่ได้ในปีนี้ และจะเป็นช่วงจังหวะการซื้อที่ดี โดยค่ายรถและลีซิงต่างๆ น่าจะมีการนำเสนอพโรโมชันส่งเสริมการตลาดออกมากระตุ้นการซื้อในช่วงภาวะตลาดซบเซา แต่ทั้งนี้ก็ต้องมองไปถึงเศรษฐกิจโลกด้วย ว่าจะหันเหไปในทิศทางใด เพราะตลาดส่งออกของบ้านเรา ก็ต้องอาศัยภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ในอันที่จะเพิ่มยอดการขายรถยนต์ที่ประกอบจากบ้านเรา รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่เช่นกัน ถ้าเศรษฐกิจโลกเงยหน้าอ้าปากขึ้นมา ก็จะช่วยฉุดให้ตลาดรถยนต์ของเรา เงยหน้าอ้าปากตามไปด้วย แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายเงินจากภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน แม้ว่าการลงทุนขนาดใหญ่ ยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นข่าวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามความกังวลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ขยายตัว ส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ยังอยู่ในสภาวะทรงตัว แต่จากมุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปี 2559 ยังคงมีภาพลบและบวกปะปนกัน ไม่แตกต่างไปจากทิศทางของเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกมากนัก สำหรับประเทศไทยนั้น ประเมินในเบื้องต้นว่า แม้จะมีอานิสงส์ต่อเนื่องจากการเร่งผลักดันเม็ดเงินของภาครัฐในหลายๆ ช่องทาง แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2559 อาจชะลอลง เมื่อเทียบกับที่ขยายตัว 2.8 % ในไตรมาส 4/2558 โดยมีโจทย์ที่สำคัญอยู่ที่การประคองตัว ให้สถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบโดยตรงน้อยที่สุด จากปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่จะมีผลกระทบต่อเนื่องมายังภาคการส่งออก และความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ ที่จะกดดันภาคการเกษตร/ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ขณะที่คงต้องยอมรับว่า ทั้งสัญญาณอ่อนแอของภาคการส่งออก และภาคการเกษตร ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการจ้างงาน และรายได้ของครัวเรือน อาจมีผลจำกัดการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนด้วยเช่นกัน สำหรับภาพรวมทั้งปี 2559 ประเมินว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ลากยาวข้ามปี อาจส่งผลทำให้การส่งออกในปี 2559 ไม่ขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี แรงหนุนเพิ่มเติมจากงบกลางปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐทยอยประกาศออกมา ตลอดจนการเร่งเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วงครึ่งหลังของปี อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ ประคองโมเมนทัมการขยายตัวไว้ได้ต่อเนื่อง ทำให้สามารถประเมินได้ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 ยังมีโอกาสขยายตัวได้ 3.0 % ตามที่คาด แต่ต้องติดตามกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนต่างๆ เหล่านี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด ช่วยกันระมัดระวังการใช้จ่ายของแต่ละครัวเรือน ก็น่าจะพอช่วยเศรษฐกิจบ้านเราได้บ้างละน่า
บทความแนะนำ