"ฟอร์มูลา" สนทนาธุรกิจกับ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิก ซูซูกิ เมืองไทย จนเติบโตถึงทุกวันนี้

ฟอร์มูลา : ในปี 2558 ซูซูกิ ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด และปีนี้วางทิศทางและนโยบายไว้อย่างไร ? วัลลภ : ปี 2558 อุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมลดลงประมาณ 10 % แต่ ซูซูกิ มียอดขายรวม 21,285 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 5.5 % และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 2.29 เป็น 2.66 % เมื่อเทียบกับปี 2557 สำหรับเหตุผลที่ทำให้ ซูซูกิ ประสบความสำเร็จเกิดจาก ซูซูกิ ซีอัซ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเกินความคาดหมาย ส่วนปี 2559 วางเป้ายอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 24,000 คัน พร้อมคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 3 % เนื่องจากแนวโน้มการใช้รถยนต์ของลูกค้าในประเทศไทยหันมาสนใจกลุ่มอีโคคาร์มากยิ่งขึ้น   ฟอร์มูลา : กลยุทธ์การตลาดของ ซูซูกิ ? วัลลภ : ยังคงต้องเน้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ และให้ลูกค้ารู้จักบแรนด์ ซูซูกิ มากยิ่งขึ้น โดยจะเน้นที่สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะออนไลน์มาร์เกทิง นอกจากนี้ยังคงเน้นเรื่องของสปอร์ทมาร์เกทิง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของ ซูซูกิ เป็นที่รู้จักรวดเร็ว รวมถึงภาพลักษณ์ของบแรนด์แอมบาสซาเดอร์ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังเป็นที่ยอมรับของคนไทย และได้รับการตอบรับด้วยกระแสที่แรงพอสมควร ปีนี้ บริษัท ฯ เซ็นสัญญากับ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นแอมบาสซาเดอร์ให้กับรถ ซูซูกิ ซีอัซ ต่ออีก อีกส่วนหนึ่ง คือ การเข้าสนับสนุนทีมแข่ง ซึ่งบริษัท ฯ มองว่าการเข้าไปร่วมแข่งขันกีฬารถยนต์เป็นการตอกย้ำว่าอีโคคาร์ เป็นรถที่มีสมรรถนะ แข็งแรงทนทาน สามารถแข่งขันกับรถยนต์ทั่วไปได้ และยังเตรียมที่จะร่วมเข้าไปสนับสนุนกีฬาประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก ส่วนที่จะขาดไม่ได้ คือ การทำกิจกรรมร่วมกับลูกค้า ปีนี้จะรุกหนักมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนรับรู้เกี่ยวกับบแรนด์ ได้สัมผัส เป็นประสบการณ์ตรง และได้ผลรวดเร็วที่สุด   ฟอร์มูลา : ปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่แนะนำออกสู่ตลาดหรือไม่ ? วัลลภ : ปีนี้ ซูซูกิ ไม่มีรถรุ่นใหม่ แต่จะเน้นปรับโฉมรถรุ่นที่มีอยู่เดิม เพราะเพิ่งเปิด ซูซูกิ ซีอัซ ใหม่ ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว และรุ่นอื่นๆ ก็ถือว่ายังเป็นรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวได้ไม่นาน ซึ่งที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้จะมี 2 รุ่น คือ ซูซูกิ แอร์ติกา ไมเนอร์เชนจ์ และ ซูซูกิ สวิฟท์ สเปเชียล เอดิชัน ที่หวังว่าจะมาช่วยกระตุ้นยอดขายในปีนี้   ฟอร์มูลา : โครงการอีโคคาร์ 2 ขณะนี้ดำเนินการอยู่ในชั้นไหน ? วัลลภ : โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ซูซูกิ ยืนยันว่าจะเข้าร่วมโครงการนี้อย่างแน่นอน และพร้อมที่จะส่งรถยนต์ ออลล์นิว โมเดล ที่ถูกพัฒนามาสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ซูซูกิ มุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการอีโคคาร์ เฟส 1 ให้บรรลุเป้าหมายตามกำหนดในปี 2559 คือ บรรลุ 100,000 คัน   ฟอร์มูลา : ภาพการแข่งขันในปีนี้จะเป็นอย่างไร ? วัลลภ : ปีที่แล้วทุกค่ายคาดหวังการเติบโต แต่โดยภาพรวมตลาดลดลง ทำให้ปีนี้ทุกค่ายเหนื่อยเพราะกำลังซื้อชะลอตัว ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร ผลกระทบทางการเกษตรที่ส่อเค้าไม่ดีตั้งแต่ต้นปี ทำให้มองว่าการที่จะกระตุ้นตลาดให้เติบโตนั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ซึ่งแต่ละค่ายจะต้องหาจุดเด่นเข้ามาแข่งขัน สำหรับ ซูซูกิ จะเน้นอยู่ 4 จุดหลัก คือ ราคา พโรโมชัน ผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจัดจำหน่าย โดยแต่ละค่ายก็คงจะเน้นลักษณะนี้เช่นกัน แต่จะมีข้อจำกัด หรือมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ส่วน ซูซูกิ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าครอบคลุมทุกตลาด มีราคาที่เหมาะสม และยังมีการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสมตามภาวะตลาด ปีนี้จึงจะเน้นที่ช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มโชว์รูมเป็น 110 แห่ง จากเดิมมีอยู่ 99 แห่ง โดยการขยายจะเน้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าไม่ต้องให้รอนาน เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เพื่อการพัฒนาที่มั่นคง   ฟอร์มูลา : คุณมองว่า ซูซูกิ ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? วัลลภ : ผมพอใจในระดับหนึ่งกับ ซูซูกิ ในวันนี้ แต่ก็ยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีความคาดหวังที่จะสร้างการเติบโต การยอมรับจากลูกค้า สร้างความสำเร็จให้กับอีโคคาร์ ทำให้คนไทยเข้าใจ และเห็นความสำคัญของโครงการที่ผลิตรถในราคาที่สมเหตุสมผล คุณภาพดี ประหยัดน้ำมัน ราคาซื้อหาง่าย ประหยัดเงิน ให้ความคุ้มค่า และเป็นการส่งเสริมประเทศชาติทางอ้อม และหันมาใช้อีโคคาร์ให้มากที่สุด   ฟอร์มูลา : ทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอีก 3-5 ปี ? วัลลภ : รถยนต์ที่ผลิตออกมาต้องมีคุณภาพ ตัวผลิตภัณฑ์ ราคาจะเป็นตัวสะท้อน ส่วน ซูซูกิ ยังคงยึดพันธกิจเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตโครงการอีโคคาร์ เฟส 1 ต้องทำตามข้อกำหนดให้สำเร็จ และขยายเป้าหมายต่อไปยังโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ส่งเสริมการลงทุน เพิ่มผลิตภัณฑ์