โค้งอันตราย
น่าจะฟื้นแล้วล่ะ
ที่ว่าฟื้นน่ะ คือ ยอดการขายรถยนต์ของประเทศไทย เพราะเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 24 เดือน ที่ยอดการขายประจำเดือน ขายได้เกือบแสนคัน ทำได้ 97,317 คัน เพิ่มขึ้น 13.1 % ตามข่าวว่าเป็นเหตุเพราะมียอดจองในงานมหกรรมยานยนต์ ประกอบกับผู้บริโภคตัดสินใจเร่งซื้อรถ เนื่องจากรถบางรุ่นจะมีราคาสูงขึ้น จากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยเฉพาะ พีพีวี ซึ่งเติบโตถึง 251.5 % ขายกันทั้งตลาด 15,742 คัน ขณะที่เมื่อปี 2557 ขายเพียง 4,000 กว่าคันเท่านั้น
และเมื่อรวมทั้งปี ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2558 ยอดขายของตลาดรวมทำได้ 775,936 คัน แต่น้อยกว่าปี 2557 อยู่ 9.8 % ก็ต้องยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อคิดจากสภาพทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจของบ้านเรา ว่าในปีที่ผ่านมา ผ่านความผันผวนกันมาอย่างไรบ้าง
แต่เมื่อขึ้นปี 2559 ความเห็นจากบรรดานักการตลาดโดยรวม ก็มองว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2559 น่าจะอยู่ในตัวเลขประมาณการที่ใกล้เคียงกันกับปี 2558 หรือตกราว 750,000-800,000 คัน แม้ว่าสภาพทางเศรษฐกิจจะค่อนข้างเงียบเหงา แต่เมื่อดูจากการคาดการณ์การใช้จ่าย หรือการลงทุนของภาครัฐ ที่น่าจะได้เห็นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2559 นี้มากขึ้น จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ จะเริ่มเดินหน้าไปได้ ดังนั้นสภาพเศรษฐกิจปี 2559 ก็ไม่น่าจะเลวร้ายเท่าใดนัก
แต่ที่จะกระทบกับตลาดรถยนต์ของบ้านเรา ก็น่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลก ที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนอยู่ในหลายภูมิภาค เนื่องจากบ้านเรายังต้องพึ่งพาการส่งออกรถยนต์ไปจำหน่ายทั่วโลก เมื่อสภาพเศรษฐกิจในหลายประเทศไม่แน่นอน ก็กระทบมาถึงบ้านเราด้วย
ปี 2558 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรม ฯ ตั้งเป้าการส่งออกเอาไว้ที่ราว 1,200,000-1,250,000 คัน แต่สามารถทำได้เพียง 1,204,895 คัน ลดลง 2.8 % เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ยอมรับกันว่าตกเป้า เพราะสภาวะเศรษฐกิจของโลกวุ่นวาย แถมยังมีการสู้รบกันเป็นข่าวมากมาย สอท. ก็เลยประเมินการส่งออกปีนี้ว่า น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2558 หรือขายในประเทศราว 750,000-800,000 คัน โดยยอดการส่งออกก็เช่นกัน น่าจะตกราว 1,220,000-1,250,000 คัน
แต่จากการสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทย ในเดือนธันวาคม 2558 จำนวน 1,201 ราย ครอบคลุม 44 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 85.8 เป็นเดือนที่ 4 โดยมีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น ได้แก่ การจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงสิ้นปี การจัดงานมอเตอร์ เอกซ์โป 2015 และมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในช่วงสิ้นปี ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการ พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน สถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการในเดือนธันวาคม คือ อยากให้ภาครัฐเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ พร้อมออกมาตรการดูแลปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เพื่อสร้างกำลังซื้อในภาคเกษตรกร อีกทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตสินค้า เพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าไทย และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย
ก็ต้องคอยดูกันว่า การทำงานของภาครัฐในปี 2559 นี้ จะสามารถทำให้มีเม็ดเงินออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน เพราะภาคเอกชนนะ ร่วมมือร่วมใจกันทำงานเป็นปกติอยู่แล้ว ยิ่งสภาวะทางการเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่ทรงตัว ไม่วุ่นวาย ยุ่งเหยิง เหมือนที่เคยเป็นมา ก็น่าจะทำให้ภาคเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้โดยไม่ขัดข้องแต่อย่างใด
เพียงแต่ในสภาพเศรษฐกิจ หรือยอดการขายรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 น่าจะยังไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าใดนัก เพราะโดนฉุดกำลังซื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นการเริ่มการเก็บภาษีสรรพสามิต ที่คิดจากอัตราการปล่อยค่าไอเสีย เป็นครั้งแรกของประเทศ ที่ทำให้ราคารถยนต์บางรุ่น ขยับตัวขึ้นไปเล็กน้อย แต่ค่ายรถยนต์เอง ก็พยายามที่จะประคองการปรับราคาเอาไว้ เพราะสภาพตลาดยังไม่เป็นใจ น่าจะเป็นช่วงกลางปีไปแล้ว ที่จะทำให้ราคารถยนต์ขยับตัวสูงกว่านี้
หมายความว่า จะยังคงมีแคมเปญ ลด แจก แถม กันต่อไปอีก อย่างน้อยก็ไม่น่าจะหายขาดไปจากวงการรถยนต์ประเทศไทยแน่นอน
หรือใครจะเถียง ก็ว่ามา
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2559