มาตรวัดตลาดรถ
ฟื้นแล้วหรือ
ยอดการขายรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2558 นับว่าพลิกความคาดหมายของนักการตลาดหลายคน เพราะประเมินว่าตลาดจะยังไม่ฟื้นตัว ดูได้จากยอดการขายที่ผ่านมา แต่ละเดือนติดลบกันเดือนละ 2 หลัก ทั้งนั้น แต่เดือนตุลาคม กลับมาติดลบเพียงหลักเดียว แถมตัวเลขน้อยเพียง 3.7 % ด้วย ขายกันได้ 66,323 คัน เรียกว่าเสียงกองเชียร์ดังกันกระหึ่มเชียวพลอยพาให้ตัวเลขรวมของปี ดึงขึ้นมาเหลือเพียง - 14.0 % ขายได้ 604,268 คัน เลยทำให้มีคนสร้างภาพว่า ปี 2558 นี่ ตัวเลขการขายน่าจะอยู่แถวๆ 750,000 คัน ทีเดียว เหลือแค่ 2 เดือน ขายให้ได้เดือนละ 70,000 ก็ 140,000 ก็น่าจะกล้อมแกล้มเป็น 750,000 ได้อยู่หรอก ทำไมถึงจะขายเดือนละ 70,000 คัน ไม่ได้ วิเคราะห์ง่ายๆ ก็เป็น 2 เดือนสุดท้ายของปี ที่โบนัสของห้างร้านต่างๆ ออกให้แก่พนักงาน รวมทั้งภาครัฐเตรียมปรับการจัดเก็บภาษี ไปเป็นจัดเก็บภาษีจากค่าการปล่อยไอเสีย นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจะทำให้ราคาของรถยนต์บางรุ่น ขยับเพิ่มขึ้นแน่นอน ส่วนรุ่นที่ขยับลง ก็เห็นจะมีแค่อีโคคาร์ เท่านั้นเอง ประเมินกันว่า ราคารถจะเพิ่มอย่างต่ำ 40,000-150,000 บาท ทีเดียว เลยทำให้ต้องรีบตัดสินใจซื้อรถกันให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ แถมด้วยแคมเปญมากมายจากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32” ติดมือมาเพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องซื้อกันให้ได้ละ มาคุยกันเรื่องน่ารู้ดีกว่า เพราะหลังจากตลาดซบเซามากันจน 10 เดือนของปีแล้ว ก็ได้ยินเสียงแว่วมาว่า สภาวะเศรษฐกิจของไทย พ้นจากภาวะจุดต่ำสุดแล้ว เลยต้องหันไปฟังเสียงจากคนอื่นกันบ้าง โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ภาพด้านหนึ่งสะท้อนว่า ภาคการส่งออกของไทยยังคงหดตัวตามสัญญาณที่เปราะบางเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าส่งออก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมัน/โภคภัณฑ์ในตลาดโลก แต่ภาพอีกด้านหนึ่ง ก็บ่งชี้ว่า การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของรัฐบาลยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และเครื่องบ่งชี้การใช้จ่ายภายในประเทศบางส่วน ก็เริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น ซึ่งหากประเมินในภาพรวมแล้ว อาจสามารถกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจไทยอาจเริ่มมีสัญญาณที่นิ่งมากขึ้น หลังจากที่อยู่ในสภาวะชะลอตัว/หดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนก่อน หันมาดูทางด้านธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2558 คงจะปิดปีด้วยการหดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ภายใต้การคาดการณ์ที่ประมาณร้อยละ - 2.0 แต่ก็ถือว่าเป็นการหดตัวที่น้อยลงตามลำดับ นับจากไตรมาส 1/2558 ที่หดตัวสูงถึงร้อยละ - 4.0 โดยปัจจัยหลักที่กดดันสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปีนี้ ยังมาจากแรงซื้อล่วงหน้าจำนวนมากของโครงการรถยนต์คันแรก อำนาจซื้อที่ลดลงของผู้บริโภค ตลอดจนภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่วนปี 2559 คาดว่ายอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์น่าจะยังคงหดตัวลงต่อเนื่อง แม้มีโอกาสติดลบน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2558 โดยมีคาดการณ์ที่ระดับร้อยละ - 2-0 โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อยังคงติดลบ คงได้แก่ ยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2559 ที่คงยังไม่กลับมาโตได้ตามศักยภาพเดิม และยอดชำระคืนสินเชื่อ (REPAYMENT) ที่สูงมากจากโครงการรถยนต์คันแรก อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ติดลบน้อยนั้น เชื่อว่า น่าจะได้รับแรงหนุนจากราคารถยนต์มือสองที่ค่อนข้างนิ่ง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาทำตลาดได้ตามปกติ และอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังคงทรงตัวต่ำ ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แม้ว่าปลายปี 2559 อาจมีอุปทานรถมือสองกลุ่มอีโคคาร์และรถกระบะบางส่วนเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น หลังครบกำหนดถือครองรถตามเงื่อนไขของโครงการรถคันแรก แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการปรับตัวของราคารถมือสองอย่างรุนแรง เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 กู้ยืมจากไฟแนนศ์และอาจยังผ่อนไม่หมด ขณะผู้ซื้อที่ปลอดภาระหนี้แล้ว อาจยังไม่ตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นชัดเจน ทั้งนี้ รถมือสองที่มีเสถียรภาพมากขึ้นนั้น คงเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจต่อการให้สินเชื่อรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากผู้ประกอบการเทนท์รถยนต์จะกลับมาทำธุรกิจมากขึ้นแล้ว สถาบันการเงินยังเชื่อมั่นได้ว่าภาวะถดถอยของราคารถยนต์น่าจะสิ้นสุดลง ทำให้ความเสี่ยงต่อปัญหาหนี้เสียจากการทิ้งรถของลูกค้าลดลงตามไปด้วย ก็น่าจะฟังดูดีสำหรับผู้ประกอบการทั้งหลาย ในเมื่อเป็นเสียงจากหนึ่งในสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ทำให้พอจะเชื่อได้ว่า สภาวะการขายรถยนต์นับแต่นี้ไป แม้ว่าจะไม่รุ่งเรืองฟู่ฟ่า เหมือนที่เคยเป็นมา แต่ก็น่าจะทำให้สามารถทำธุรกิจกันได้อย่างสบายใจ เหมือนที่สถาบันการเงินท่านมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน
ABOUT THE AUTHOR
ม
มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ