ธุรกิจ
ถึงแม้อุณหภูมิการเมืองจะระอุสักเพียงใด ถึงแม้รถเกาหลีจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ตามที ถึงแม้จะมีคนแกล้งเอานาฬิกาปลุก มัดไว้กับกล่องดำไปวางข้างถนนให้มองเห็นได้ก็ตามที...เอ ชักไม่ค่อยเข้ากับเรื่องเท่าไรนะครับ
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนกรกฎาคม ปี '49 กับ '48
ตลาดรวม เพิ่ม 9.5 %
รถยนต์นั่ง เพิ่ม 12.2 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 0.7 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ลด 42.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ลด 39.1 %
ถึงแม้อุณหภูมิการเมืองจะระอุสักเพียงใด ถึงแม้รถเกาหลีจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ตามที ถึงแม้จะมีคนแกล้งเอานาฬิกาปลุก มัดไว้กับกล่องดำไปวางข้างถนนให้มองเห็นได้ก็ตามที...เอ ชักไม่ค่อยเข้ากับเรื่องเท่าไรนะครับ
เอาเป็นว่า ไม่ว่าสภาวะทางการเมือง หรือทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ยอดการขายรถยนต์ก็ไม่ได้เซซวนกันจนน่าเกลียด ยอดเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็ทำตัวเลขได้เกือบเท่ากับปีก่อน ขายน้อยกว่าแค่ 234 คัน คิดเป็นเปอร์เซนต์ก็เพียง 0.5 เท่านั้นเอง
ส่วนเดือนสิงหาคม คาดว่าตัวเลขก็คงจะเซซวนบ้างเล็กน้อย เพราะฝนตกหนักทั่วทั้งประเทศ ทำเอาดินเคลื่อนลงมาอยู่ในผิวถนนมากมายหลายแห่ง ก็คงเป็นตัวชะลอการซื้อรถใหม่ป้ายแดงไปพอควร
ตัวเลขการขายหนนี้เริ่มมีนัยพอจับสังเกตได้ จากตัวเลข 50,638 คัน ว่ายังไงคนไทยก็ชอบของใหม่ สังเกตได้จากรถใหม่ป้ายแดงที่วิ่งกันอยู่เกลื่อนกรุง รอบนี้รถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มขายดี ในขณะที่รถกระบะ 4 ประตู หรือพวกขับเคลื่อน 4 ล้อ เริ่มออกอาการเซจนเห็นได้ชัด
มีเพียงน้องธิดา น้องคนเล็กที่ฤกษ์เปิดตัวเป็นฤกษ์ร้อน เพราะแอร์ไม่พอกับจำนวนคนที่เข้าไปอัดอยู่ในโดม เลยยังไม่ค่อยเห็นวิ่งในถนนสักเท่าไร
ขณะที่ค่ายอเมริกัน ก็เตรียมเปิดตัวน้องคนเล็ก อาวีโอ เครื่อง 1,400 ซีซี ที่ได้ชื่อเล่นเรียบร้อยแล้วว่า น้องดาวเดียว ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงฝั่งฝันหรือเปล่า เพราะค่ายอเมริกันอีกค่ายที่มีรถกระบะขาย ก็มีรายการเขย่าองค์กรกันอีกครั้ง เพราะตัวเลขตกต่ำแบบเส้นกราฟตกสู่พื้น เป็นเรื่องเมาท์กันสนุกของกลุ่มนักข่าวกันอยู่ตอนนี้
ส่วนค่ายใบพัดสีฟ้า ที่ขนเอารถมาให้นักข่าวทดสอบตั้ง 20 คัน มีคนเขาตั้งข้อสงสัยว่า เตรียมจะเอาไปขายฟลีทหลังนักข่าวทดสอบเสร็จหรืออย่างไร เพราะทดสอบกันแค่ฉะเชิงเทรา ไปกลับก็ไม่เกิน 500 กม. 2 รอบก็พันเดียว รถยังพอปรับสภาพได้อย่างดี
ก็ดีครับ ขนกันไปทีเดียวรอบเดียวนั่งได้ 80 คน 2 รอบก็ 160 พร้อมหน้าพร้อมตากันดี
ส่วนรถกระบะที่คนซื้อเอามาใช้ทำมาหากิน ประเภทตอนเดียว ตอนครึ่ง ขับ 2 ล้อ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนสงครามระหว่างค่ายยักษ์ ต้องยอมเอาเครื่องคอมมอนเรล 2.5 เทอร์โบ ประกอบออกขายเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผู้ซื้อถามหากันมานับ 10 ปี
เรียกว่ายังไงก็ต้องเก็บหมัดเด็ดเอาไว้นาทีสุดท้าย ทั้งที่ประกอบมาเมื่อไรก็ได้ เครื่องก็ทำใส่รถขับ 4 ล้ออยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทดเกียร์กันหน่อย ไม่ให้ทะลุ 200 ได้ง่ายๆ
ส่วนเรื่องที่โพสต์กันลงในสังคมไซเบอร์ตอนนี้ รถคันนิดเดียว จอดอยู่ดี ๆ เกิดไฟลุกไหม้ตอนตี 3 อันนั้นถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของท่านเจ้าของรถเองแล้วล่ะครับ เพราะอีกนานกว่าจะเคลียร์กันจบเรื่อง แถมประกันก็จะพยายามลากยาวกันไป หรืออาจยอมให้เจ้าของรถฟ้องก็ได้ เพราะรถคันนึงราคาตั้ง 7-8 แสนบาท ประกันได้ค่าเบี้ยไม่ถึงปีละ 2 หมื่นบาทดี งานนี้มีเป็นปีแหละครับ
ส่วนคำขู่ที่เจ้าของรถได้รับว่าอย่าทำให้บริษัทรถยนต์ได้รับความเสียหายนั่น ทำได้แค่ขู่เท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้มันกลายเป็นไฟลามทุ่งไปเรียบร้อยแล้ว
น่าสงสารนะครับ ขายรถเยอะ ปัญหาก็เยอะตามด้วย
กลับมาเรื่องมาตรวัดของเราดีกว่า เขียนมากเดี๋ยวมีเรื่องเด็ดๆ หลุดออกมาได้ง่ายๆ
ยอดการขายรถเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาตัวเลขโดยรวมไม่ตกลงไปมาก ขายได้ 50,638 คัน คิดเป็นเปอร์เซนต์ก็น้อยกว่าปีก่อนแค่ 0.5 ในขณะที่ยอดรวม 7 เดือนก็น้อยกว่าเก่าเพียง 2.9 % ขายได้รวม 385,414 คัน
รู้สึกมั่งไหมครับว่าเดี๋ยวนี้รถติดทีไร มันชักเริ่มติดนานขึ้นทุกที
ตำแหน่งแชมพ์ยังคงเจ้าเก่า โตโยตา ขาย 23,858 คัน เพิ่มขึ้น 17.6 % ส่วนแบ่งตลาด 47.1 % อันดับสอง อีซูซุ ขายลดลง 11,179 คัน น้อยกว่าปีก่อน 15.8 % เพราะยังอยู่ในช่วงปรับรุ่นใหม่ของโลก...ฟังแปลกๆ ดีไหม...อันดับสาม ฮอนดา ขาย 5,286 คัน เพิ่มเยอะกว่าเพื่อน 25.5 % ส่วนแบ่ง 10.4 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขายลดลง 2,634 คัน ลดถึง 34.9 % ส่วนแบ่งเหลือแค่ 5.2 % อันดับห้า นิสสัน ที่น้องเล็กยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ขาย 1,926 คัน ลดลง 3.0 % ส่วนแบ่ง 3.8 %
ตำแหน่งยอดรวม 7 เดือนตัวเลขทิ้งกันห่างเหลือเกิน โตโยตา 160,043 คัน อีซูซุ 98,430 คัน ฮอนดา โตวันโตคืน 38,914 คัน มิตซูบิชิ 20,822 คัน และ นิสสัน 19,479 คัน
มาถึงรถยนต์นั่ง ที่ตอนนี้รถใหม่ป้ายแดงวิ่งกันเกลื่อนถนน ขายเพิ่มขึ้น 12.2 % ด้วยยอด 13,752 คัน รวม 7เดือนขาย 102,749 คัน ยังเพิ่มขึ้นอยู่ 9.5 %
ตำแหน่งแชมพ์ประจำรุ่น โตโยตา ขาย 6,145 คัน เพิ่ม 7.5 % ส่วนแบ่ง 44.7 % ที่สอง ฮอนดา ขายสบายใจ 5,238 คัน เพิ่ม 28.1 % ส่วนแบ่ง 38.1 % ที่สาม นิสสัน เพิ่มเยอะเพราะปีก่อนขายน้อย 762 คัน เพิ่ม 123.5 % ส่วนแบ่ง 5.5 % ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 347 คัน ลดลง 34.4 % ส่วนแบ่ง 2.5 % ที่ห้า มิตซูบิชิ ขายแค่ 244 คัน ลดลง 49.5 % ส่วนแบ่งแค่ 1.8 %
ประเภทรถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ อันดับแชมพ์ประจำเดือนยังเหมือนเดิม โตโยตา ขาย 13,610 คัน เพิ่ม 62.4 % ส่วนแบ่ง 46.4 % อันดับสอง อีซูซุ ขายเมืองไทย 9,642 คัน ลดลง 18.3 % ส่วนแบ่ง 32.9 % อันดับสาม มิตซูบิชิ นี่ก็ออกอาการเซ ขาย 1,751 คัน ลดฮวบฮาบ 45.7 % ส่วนแบ่ง 6.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ตัวเลขยังพอทรงตัว ขาย 2,767 คัน เพิ่ม 0.1 % รวมเจ็ดเดือนได้แค่ 20,478 คัน ลดลง 6.6 % โดยมีแชมพ์ โตโยตา ขายได้ 909 คัน ลดลง 1.8 % ส่วนแบ่ง 32.9 % ตามมาด้วย อีซูซุ 897 คัน เพิ่ม 7.3 % ส่วนแบ่ง 32.4 % ที่สาม ฮีโน่ ขาย 551 คัน เพิ่ม 18.8 % ส่วนแบ่ง 19.9 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง โดยรวม ลดลง 39.1 % ขาย 2,093 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 1,489 คัน ลดลงถึง 45.6 % ส่วนแบ่ง 71.1 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 408 คัน ส่วนแบ่ง 24.4 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 69 คัน ลดลงถึง 23.3 % ส่วนแบ่ง 3.3 %
รถอเนกประสงค์หรือรถตู้นั่นแหละครับ ลดลง 42.3 % ได้เพียง 712 คัน มี โตโยตา ผู้เดียว ขาย 524 คัน ลดลง 41.6 % แต่ครองส่วนแบ่ง 73.6 %
นั่นคือความเป็นไปของตลาดรถยนต์บ้านเรา ที่กำลังจะเปิดศึกกันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างคึกคัก ต่างฝ่ายต่างก็ซุ่มเตรียมทีเด็ดของแต่ละค่ายกันสุดฤทธิ์ ปิดกันแบบมิดชิดแทบมองไม่เห็น เพียงแต่มีแพร่หลายอยู่ในสังคมไซเบอร์เยอะไปหมด
โลกยุคใหม่นะครับ ยุคของข้อมูลข่าวสาร ยิ่งอินเตอร์เนทแพร่กระจายมากเท่าใด ข่าวอะไรก็ปิดไม่มิดได้ร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับ
แถมยังมีคนคอยสร้างข่าวกันสนุกสนานอีก
พบกับทีเด็ดของค่ายรถยนต์ทุกค่ายได้ในงาน มหกรรมยานยนต์ ต้นธันวาคม นี้นะครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8613