ช่วงเดือนสองเดือนนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ "ความเชื่อ" มาท้าทายให้ขบคิดถึงสองเรื่องติดๆ กัน

ช่วงเดือนสองเดือนนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ "ความเชื่อ" มาท้าทายให้ขบคิดถึงสองเรื่องติดๆ กัน ไม่ใช่เรื่องภาพลับจากกระทรวง หรือปฏิญญาในต่างแดน นะครับ สองอย่างนี้ต่อให้มีคนเชื่อกันทั้งบ้านทั้งเมือง ก็อาจจะไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น เป็นความสามารถเฉพาะตัวของท่าน ห้ามเลียนแบบ ส่วนความเชื่อที่เกิด "เป็นเรื่อง" ขึ้นมาจริงๆ ก็คือ กรณีหนอนวุ้น กับ เธอะ ดาวินชี โคด (THE DA VINCI CODE) กรณีแรก จู่ๆ ก็มีผู้พบวุ้นใสรูปร่างคล้ายหนอนยักษ์ นอนแอ้งแม้งอยู่หลังบ้าน หลังฝนตกใหญ่ และไม่ใช่พบแค่ตัวเดียวอันเดียว แต่ยังพบอีกหลายตัว ในสถานที่ต่างๆ กัน ทีแรกไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นอะไรแน่ แต่เมื่อตกลงมาจากฟ้า (เพราะเจอหลังฝนตก) ชาวบ้านเลยเหมาว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และปักใจเชื่อเช่นนั้น แม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ว่า หนอนวุ้นแปลงร่างมาจากเจลลดไข้ ที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป ก็ไม่ทำให้ความเชื่อหรือศรัทธาที่มีต่อหนอนวุ้นสั่นคลอน ถึงขนาดเอามาคลุกข้าวกิน เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับคนบางกลุ่ม ความเชื่อ มีอิทธิพลเหนือความจริง กรณี เธอะ ดาวินชี โคด ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากจากนวนิยายชื่อเดียวกัน อาจไม่คล้ายกับเรื่องหนอนวุ้น แต่ก็เป็นตัวอย่างเรื่องอิทธิพลของความเชื่อ ว่าบางทีมันอาจทำให้เราสับสนไปได้ง่ายๆ ว่า สิ่งที่เราเชื่อเท่านั้น คือความจริง และสิ่งที่เราไม่เชื่อคือความเท็จทั้งสิ้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบเทียบ (เพราะพวกกินข้าวคลุกเจล เป็นชาวพุทธแน่ๆ) แต่อยากบอกว่า พุทธศาสนามีหลักคำสอนเกี่ยวกับความเชื่อไว้อย่างชัดเจน เรียกว่าหลัก "กาลามสูตร" ที่สอนว่าอย่าปลงใจเชื่อสิ่งใดด้วยเหตุผลต่อไปนี้ 1. ด้วยการฟังตามกันมา 2. ด้วยการถือสืบๆ กันมา 3. ด้วยการเล่าลือ 4. ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ 5. ด้วยตรรก 6. ด้วยการอนุมาน 7. ด้วยการคิดตรึกตรองตามแนวเหตุผล 8. ด้วยเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน 9. ด้วยเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ 10. ด้วยเพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา นอกจากในวงการศาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว วงการรถยนต์ยุคน้ำมันแพงก็มีเรื่องท้าทายให้ขบคิดมากมาย เช่น บริษัทน้ำมันกำลังขาดทุนหนักเพราะขึ้นราคาได้ทีละ 40-50 สตางค์ เราสมควรหันมาใช้ ซีเอนจี กันมากๆ (เพราะ) เราจะมีปั๊ม ซีเอนจี หลายร้อยแห่งทั่วประเทศในปีหน้า ฯลฯ คุณเชื่อหรือไม่ ?