ทั่วไป
การมีรถยนต์ใช้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนบ้านเรา เพื่อใช้เป็นพาหนะส่วนตัว ไม่ต้องกัดฟันพึ่งบริการขนส่งมวลชนให้ยุ่งยากลำบากใจ นอกจากนั้นรถยังเป็นอะไรที่ทำให้เจ้าของภูมิอกภูมิใจ มากน้อยตามยี่ห้อรุ่นความเก่าใหม่ของรถที่ซื้อมา หรือผ่อนส่งอยู่
การมีรถยนต์ใช้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนบ้านเรา เพื่อใช้เป็นพาหนะส่วนตัว ไม่ต้องกัดฟันพึ่งบริการขนส่งมวลชนให้ยุ่งยากลำบากใจ นอกจากนั้นรถยังเป็นอะไรที่ทำให้เจ้าของภูมิอกภูมิใจ มากน้อยตามยี่ห้อรุ่นความเก่าใหม่ของรถที่ซื้อมา หรือผ่อนส่งอยู่
ถ้าจะว่าไปแล้ว ความครึ้มใจภูมิใจอันเกิดจากได้เป็นเจ้าของรถของคนบ้านเรา มีดีกรีค่อนข้างสูงกว่าชนชาติอื่น ดีกรีความพยายามจึงสูงตามไปด้วย ดีกรีความอดทนและทนอด เพื่อให้ได้มาซึ่งรถยนต์ก็สูงลิ่วอีกเช่นกัน เป็นหนี้เป็นสินลำบากลำบนขนาดไหน ต้องซื้อรถให้จงได้
เมืองไทยไม่ว่าเศรษฐกิจดีเลวอย่างไร พ่อค้าขายรถจึงล่ำซำตลอดมา รถขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แพงโหดแค่ไหนก็ตะเกียกตะกายซื้อเพื่อความปลื้ม ขี่รถอวดกันไปมาก็อิ่มหนำยิ่งกว่ากินข้าว
แต่เชื่อไหมมีคนบ่นถึงการใช้รถสุดหรูแล้วเกิดความเซ็งอย่างคาดไม่ถึง จึงหยิบมาเล่าต่อพอเป็นน้ำจิ้มเพื่อให้พวกเราที่ใช้รถตามอัตภาพรู้สึกสบายใจ ว่าไม่เดือดร้อนเหมือนเศรษฐี แค่ยักแย่ยักยันผ่อนส่งรอดแหล่มิรอดแหล่เท่านั้นเอง
ผู้ที่บ่นให้ได้ยินเป็นเจ้าของรถ โรลล์ส-รอยศ์ ราคาไม่มากมายเมื่อเทียบกับรถหรูที่เป็นข่าวในขณะนี้ แต่ก็ทำให้เจ้าของมึน ที่เห็นๆ คือการให้ทิพ ต้องกัดฟันจ่ายในอัตราที่สูงกว่าปกติ 4-5 เท่า ขืนควักแบงค์ที่เป็นหลักสิบให้ไป โดนเหล่จนอยู่ไม่ได้
เวลาจอดรถนอกบ้านตามสถานที่ต่างๆ ก็ประสาทกิน เรื่องโดนลักไปทั้งคันนั้นอาจเป็นไปได้ แต่ที่เผลอไม่ได้คือโดนถอดชิ้นส่วนเท่าที่คนมือบอนจะถอดได้ สัญลักษณ์หน้ารถ กระทะล้อรถยังงี้ หนักข้ออาจโดนถอดกระจกมองข้าง นัยว่าคนมือบอนเอาไปเป็นที่ระลึก ไม่ได้เอาไปขาย นอกจากจะเสียเงินจำนวนไม่น้อยแล้วยังซื้อหาอะไหล่มาเปลี่ยนใหม่ไม่ได้ง่ายๆ ต้องสั่งจากเมืองนอกเมืองนา เซ็งไหมล่ะครับ
การบำรุงรักษาประเภทพื้นๆ สำหรับรถธรรมดาหรือดีขึ้นหน่อย คนจนจ่ายแค่หลักร้อยหลักพันอย่างเก่งหลักหมื่น แต่รถหรูเผลอเมื่อไหร่เจอหลักแสน ไม่ใช่คนกระเป๋าหนักจริงๆ โกงได้เป็นร้อยๆ ล้านจากโพรเจคท์ใหญ่ระดับชาติ คนที่อุตริเป็นเจ้าของหน้านิ่วเสียดายเงินเหมือนกัน
ครับทุกอย่างเป็นไปตามกรรม คือ การกระทำของเราทั้งสิ้น เมื่อทะลึ่งใช้รถแพง อะไรมันก็แพงตามไปด้วย ไม่มีสิทธิ์บ่น
เอาล่ะครับ มาว่ากันด้วยเรื่องของคดีความอย่างเคย
คดีนี้เป็นเรื่องของชาวบ้านระดับล่าง ชีวิตนี้มีมอเตอร์ไซค์เป็นเพื่อนก็เก่งนักหนาแล้ว วันเกิดเหตุ "นายป้องกัน" พยายามป้องกันสวัสดิภาพของตนเองให้รอดพ้นจากตำรวจเท่าที่จะทำได้ เช่น เลี่ยงด่านสกัดต่างๆ ไม่โชว์ตัวตรงจุดที่มีตำรวจ
แต่เมื่อ นายป้องกัน ขี่รถเครื่องไปที่ร้านค้าในตลาดซึ่งเป็นคนรู้จัก ก็มีหนุ่มใหญ่นายหนึ่งสวมกางเกงสีกากี ใส่เสื้อยืดเข้ามาประชิดตัว ขอตรวจค้นเหมือนกับว่าเป็นตำรวจ นายป้องกัน ไม่รู้จักนายคนนี้ว่าเป็นใคร จึงออกแรงขัดขืนไม่ยอมให้ตรวจ เกิดการชกต่อยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันชนิดคลุกฝุ่น
ช่วงหนึ่งตำรวจคือ "ผู้หมู่ฉายเดี่ยว" ซึ่งชอบฉายเดี่ยวเหมือนชื่อ แถมยังมาในแนวนอกเครื่องแบบอีกต่างหาก เกิดพลาดท่า ตกเป็นเบี้ยล่าง นายป้องกัน นั่งคร่อม มีการชกต่อยปัดป้องเป็นพัลวัน
เท่านั้นไม่พอ นายป้องกัน ซึ่งเกรงว่าจะโดนวิสามัญถ้าไอ้หมอนี่เป็นตำรวจจริง เนื่องจากพกปืนอยู่ที่เอว จึงป้องกันตัวไว้ก่อนด้วยการแย่งปืนจากเอวมาถือไว้ และทำท่าจะยิง ผู้หมู่ฉายเดี่ยว ให้กลายเป็นผี ผู้หมู่งี้ร้องเสียงหลงให้คนช่วย
เจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้ชายและรู้จักกับ นายป้องกัน ไม่อยากให้เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายมากกว่านั้น จึงเข้าไปแย่งปืนจากมือ นายป้องกัน มาถือไว้ แต่สองคนยังไม่ละจากกันและ นายป้องกัน ซึ่งมีมีดพับติดตัวมาด้วย แสดงว่านักเลงพอตัว ดึงมีดออกแทงผู้หมู่ไปหลายเตื้อ ผู้หมู่ยังโชคดีที่ปัดป้องไว้ได้ มีบาดแผลตรงนั้นตรงนี้พอเป็นกระสาย
หลังจากนั้นผู้หมู่ถอยร่นไปติดตู้ขายของในร้าน เมื่อเห็น นายป้องกัน ย่างเข้ามาหาจะแทงอีก ผู้หมู่จึงคว้าปืนจากมือเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มาเล็งยิงที่ขาของ นายป้องกัน ไป 2 นัด นายป้องกัน ทำตัวแบบในหนังการ์ตูนไม่ยักกลัวปืน ถือมีดวิ่งเข้าใส่ ผู้หมู่ซะอีกกลับทิ้งปืนเผ่นหนีไปหลังร้าน
นายป้องกัน จึงวิ่งไปที่รถยนต์กระบะซึ่งติดเครื่องอยู่ และเป็นของผู้หมู่ โดดขึ้นขับหลบหนีไปที่บ้านพี่สาวมอบปืนของผู้หมู่ให้พี่สาว ต่อมา นายป้องกัน จึงโดนตำรวจล้อมจับไว้ได้ ตรวจค้นเจอปืนลูกซองพกเถื่อนหนึ่งกระ บอก ยึดเป็นของกลาง โดนฟ้องเยอะแยะข้อหา ไล่ไปตั้งแต่ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ลักรถยนต์ของตำรวจ มีมือปืนเถื่อนพกพาปืนเถื่อน
จำเลยคือ นายป้องกัน เกรงว่าจะติดคุกหัวโต จึงสู้คดีให้การปฏิเสธ
ยกที่หนึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินเอาผิด เบ็ดเสร็จลดให้หนึ่งในสามเพราะ นายป้องกัน รับสารภาพชั้นโรงพัก ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานจากจำคุกตลอดชีวิตเหลือ 33 ปี 4 เดือน ข้อหาลักทรัพย์จำคุก 6 เดือน ข้อหามีปืนเถื่อนจำคุก 1 ปี ข้อหาพกพาปืนจำคุก 6 เดือน รวม 31 ปี 14 เดือน น้อยอยู่เมื่อไหร่
นายป้องกัน หน้าเขียว ดิ้นรนด้วยการให้ทนายยื่นอุทธรณ์ แต่เหมือนเดิม
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
เหลือประตูเดียว ยื่นฎีกาขึ้นไป โต้ทุกทางเพื่อให้ศาลยกฟ้องหรือลงโทษแค่หอมปากหอมคอ
ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้จนตาลายระดับหนึ่ง แล้วชี้ขาดออกมาว่า
ข้อหาลักทรัพย์ ข้อหามีและพกพาปืนเถื่อนนั้นยุติ ฎีกามาก็ไม่ได้ผลอะไร เหลือแต่ข้อหาต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งศาลฎีกาเล็งดูอย่างละเอียดแล้วเห็นว่า ผู้หมู่ฉายเดี่ยว ทำไม่ถูก เข้าไปตรวจค้นคนในที่สาธารณะโดยไม่สวมเครื่องแบบ และไม่มีพยานหลักฐานฟังได้ตามที่ผู้หมู่อ้างว่าได้แสดงตัวเป็นตำรวจ แค่สวมกางเกงสีกากีใส่เสื้อยืด จะมาเกณฑ์ให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นตำรวจไม่ได้ดอก อีแบบนี้ไม่ถือว่าผู้หมู่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่
เมื่อ นายป้องกัน เขาไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ เขาก็มีสิทธิปกป้องตนเองตามสมควร ไม่ยอมให้ตรวจไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
สำหรับข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น ศาลฎีกาแทงว่า บาดแผลที่ผู้หมู่บอกว่าโดนแทงนั้นไม่ถึงขั้นที่เป็นอันตรายต่อชีวิต จากปากคำพยานแสดงว่า นายป้องกัน แทงมั่วขณะต่อสู้กัน ไม่ได้เจาะจงแทงที่จุดสำคัญเพื่อเอาให้ตาย จึงฟังไม่ได้ว่านายป้องกันพยายามฆ่าด้วยมีด
หันมาทางปืนที่ นายป้องกัน แย่งจากเอวของผู้หมู่ ศาลฎีกาฟังว่า ถ้าจะยิง นายป้องกัน คงยิงได้อยู่แล้ว คงไม่ให้เจ้าของร้านค้าในที่เกิดเหตุมาดึงเอาปืนไปหรอก ข้อที่ผู้หมู่อ้างอีกว่า นายป้องกัน หยิบปืนที่ตนเองโยนทิ้งมายิงแล้วกระสุนไม่ลั่น ถือว่ามีเจตนาพยายามฆ่า ศาลฎีกาบอกว่ากระสุนที่เหลืออยู่อีก 2 นัดไม่มีผลการตรวจพิสูจน์มายันว่าใช้ยิงแล้ว แต่กระสุนไม่ลั่น ศาลจึงไม่เชื่อว่า นายป้องกัน เล็งยิงผู้หมู่ จึงไม่ฟังว่าเป็นการพยายามฆ่าเจ้าพนักงานและเอาผิดไม่ได้
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ให้เอาผิดข้อหาทำร้ายคนธรรมดา ลดแล้วจำคุก 8 เดือน บวกกับข้อหาลักทรัพย์ 6 เดือน ข้อหามีปืนเถื่อน จำคุก 1 ปี พกพาปืนจำคุก 6 เดือน รวมแล้วจำคุก 1 ปี 20 เดือนเท่านั้นเอง ไม่มากมายดังที่ศาลล่างว่าไว้
งานนี้ไม่ใช่คดีรถโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่เกิดกับชนชั้นสอง ซึ่งใช้จักรยานยนต์ และมักจะเจอทั้งตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบมาราวี
นายป้องกัน ถือว่าเข้าข่ายนักเลงพอตัว ถึงขนาดกอดปล้ำกับตำรวจที่พกปืนอยู่ในเอวแต่รอดมาได้ โดยลักษณะการต่อสู้ตามที่ปรากฏรายละเอียดของคดีนี้ ผมว่าคล้ายๆ หนังการ์ตูน คือต่อสู้ออกแรงกันแทบแย่ มีทั้งปืนทั้งมีด แต่ไม่ถึงขั้นล้มตาย
ถือว่าป้องกันตนเองไว้ได้ในขั้นดี แต่ก็หน้าเหี่ยวไปพักหนึ่งเมื่อศาลล่าง 2 ศาลเล่นงานหนัก กะเอาเข้าคุกจนเหนียงยาน และซวยไม่น้อย ต้องเสียเงินต่อสู้คดีและติดตะรางเป็นปีเหมือนกัน ไม่สนุกเลย
คดีนี้เป็นบทเรียนสำหรับตำรวจที่อยู่นอกเครื่องแบบแล้วออกฤทธิ์ เจอคนจริงอย่างนายป้องกันเข้าหวุด หวิดจะเอาชีวิตไม่รอดนั่นปะไร
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2546
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8115