ธุรกิจ
ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนหลวง ทำเอาร่างกายเป็นงงไปหน่อยๆ แต่ก็แค่ 2-3 วันเอง
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนกุมภาพันธ์ ปี '48 กับ '47
ตลาดรวม ลด 4.1 %
รถยนต์นั่ง ลด 12.5 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ลด 3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ลด 35.8 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) เพิ่ม 95.6 %
ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องสภาพอากาศ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนหลวง ทำเอาร่างกายเป็นงงไปหน่อยๆ แต่ก็แค่ 2-3 วันเอง
แต่ในส่วนของตัวเลข กลับเป็นว่าต้นทุนที่ลงไปเยอะตอนเดือนสุดท้ายของปี กลับมาปั่นป่วนเอาตอนเดือนสองนี่เอง เพราะเดือนมกราคมเดือนแรกยังพอดูหรูหราอยู่ แต่พอเดือนสอง 3 จังหวัดภาคใต้ยังคงวุ่นวาย ผลพวงของคลื่นยักษ์เริ่มฟาดฟัน ทำเอาตลาดชักเซๆ ไปหน่อย
เดือนกุมภาพันธ์ เดือนเดียว ยอดขายรวมทั้งตลาดหดลงเหลือเพียง 47,038 คัน น้อยกว่าปีที่แล้ว 4.1 % ขณะที่ยอดรวม 2เดือนยังเพิ่มอยู่ 6.2 % แค่ 98,932 คัน
เดี๋ยวค่อยว่ารายละเอียดนะครับ คุยเรื่องน่ารู้สักหน่อย
เรื่องน่ารู้เรื่องแรก ก็เกี่ยวข้องกับวงการสื่อสารมวลชนนี่แหละ หลวงท่านเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะพระบิดาแห่งการถ่ายภาพไทย และกำหนดเอาวันที่ 23 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันถ่ายภาพไทย เพราะเป็นวันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แจ้งข่าวการประกวดภาพถ่ายเป็นครั้งแรก ถือ ว่าเป็นการจุดประกาย และส่งเสริมให้การถ่ายภาพของไทย มีมาตรฐานเทียบเทียมกับสากล
แต่วิวัฒนาการของการถ่ายภาพก็เปลี่ยนแปลงไป จากถ่ายภาพโดยใช้ฟีล์ม แล้วมาอัดลงกระดาษ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย จนปัจจุบันเป็นระบบดิจิทอลป ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นกล้องถ่ายรูป ถ่ายภาพสารพัด แถมความละเอียดของภาพ ก็เข้าท่าเข้าทางพอควร จนนำมาอัดเป็นภาพได้อย่างสวยงาม
และยังมีโพรแกรมตกแต่งภาพ สร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ เอาภาพนั้นมาประกอบกับภาพนี้ ผสมปนเปกันไปหมด จนกระผมเองก็ยอมรับว่า ตามยุค ตามสมัยไม่ค่อยทันแหละครับ
คือ ยังไม่ยอมรับว่าอายุมาก ยังพอมีโทรศัพท์มือถือ ชนิดที่ใช้เป็นกล้องถ่ายภาพได้กับเขาเหมือนกันแหละ เสียแต่ว่า ใช้ไม่เป็นครับ
เรื่องน่ารู้เรื่องที่สอง เกี่ยวกับ ยุทธศาสตร์การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลจากปาล์ม
เรื่องนี้มีกระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพ โดยเตรียมจัดทำโครงการนำร่องใน 3 ภาค ใต้ กลาง และอีสาน โดยมีเป้าหมายให้มีการใช้ในสัดส่วน 10 % ทั่วประเทศในปี 2555 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า
เริ่มต้นด้วยการสำรวจและกำหนดพื้นที่ปลูกปาล์มที่มีศักยภาพ จัดโซนนิงการปลูก หาเมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง รวมทั้งพัฒนาและวิจัยพืชน้ำมันทางเลือกอื่นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ตอนนี้น้ำมันแพง ก็ต้องรีบเร่งหาพลังงานมาทดแทนกันใหญ่ กันโต นอกจากเรื่องแกสโซฮอล ที่ส่งเสริมกันอย่างจริงจัง ตั้งราคาถูกกว่าเบนซินพิเศษ 1.50 บาท ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นมากก็ตาม
เรื่องของเรื่องก็คือ ไม่มีใครกล้าหาญชาญชัย ออกมาป่าวประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ไม่มีผลเสีย หรือผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่เอานักแข่งรถมาช่วยโฆษณาแล้วก็ตาม
แต่บังเอิญว่านักแข่งรถคนนั้นเขาต้องเอาน้ำมันที่มีค่าออคเทนมากกว่า 95 เติมรถแข่งเขาเอง นั่นสิครับ ลองกล้าเอาแกสโซฮอลมาเติมรถแข่งดูสิ ตำแหน่งแชมพ์อยู่ไหน ใครรู้บ้าง
พลังงานทดแทนอีกอย่างก็คือ แกสธรรมชาติ ชนิด เอนจีวี ที่กระทรวงพลังงานจับมือกับ ปตท. เอามาเติมในรถหลวงทั้งหลาย โดย ปตท. จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดหา และติดตั้ง ให้กับรถยนต์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ของกระทรวงพลังงานเอง เพื่อเป็นการนำร่อง และให้ประชาชนมั่นใจ
หมายความว่า ไม่สามารถติดตั้งได้กับรถทุกคัน
อย่างไรก็ตาม แกสเอนจีวี มีราคาถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 13.67 บาท/ลิตร และยังเป็นพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สำหรับเป้าหมายการใช้เอนจีวี ภายในปี 2548 นี้จะมีสถานีบริการ ประมาณ 60 สถานี ปี 2552 จะมีสถานีบริการ 120 สถานี มีรถยนต์ที่ใช้ 55,000 คัน และปี 2553 จะมีสถานีบริการเพิ่มเป็น 180 สถานี รถยนต์ที่ใช้ 61,000 คัน
และคาดว่าปี 2554 จะมีสถานีบริการถึง 500 สถานี และมีรถยนต์ที่ใช้ประมาณ 530,000 คัน โดยจะเร่งขยายสถานีบริการให้ครอบคลุมแนวท่อแกสที่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ในแหล่งสิริกิตติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แหล่งน้ำพอง ภูฮ่อม ภาคใต้ ขนอม จ. นครศรีธรรมราช และสงขลา
นั่นก็แปลว่า รถที่ใช้แกสเอนจีวี ยังไม่สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศไทยนะครับ
อ้อ อีกประการหนึ่งคือ ยังไม่มีโรงงานประกบรถยนต์แห่งไหน ที่สามารถประกอบรถแบบมีถังแกส ออกมาจากโรงงานโดยตรง ยังไม่ได้กำหนดสเปคเอาไว้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
กลับมาเรื่องตัวเลขดีกว่านะครับ
อย่างที่บอกว่า ผลพวงของคลื่นยักษ์ หรือเรื่องหมดเม็ดจากปลายปีที่แล้ว มากระเทือนเอาตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์ น้อยกว่าปีก่อน 4.1 % ขายได้เพียง 47,038 คัน สังเกตได้ง่ายๆ ว่า การโฆษณาในเดือนมีนาคม ทุกค่ายยังคงแคมเปญมากมายเช่นเดิม
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน ยังคงได้แก่ โตโยตา 17,630 คัน น้อยกว่าเดิม 3.2 % ส่วนแบ่ง 37.5 % อันดับสองได้แก่ อีซูซุ ขายได้ 11,482 คัน ลดลงเหมือนกัน 5.7 % ส่วนแบ่ง 24.4 % อันดับสาม ฮอนดา ขายลดลงเยอะเพราะพิษค้อนปอนด์ 4,033 คัน ลดลง 38.8 % ส่วนแบ่ง 8.6 % อันดับสี่ นิสสัน ขายเพิ่มขึ้น 3,703 คัน เพิ่ม 8.3 % ส่วนแบ่ง 7.9 % และอันดับห้า มิตซูบิชิ เพิ่มเหมือนกัน 3,242 คัน เพิ่ม 3.3 % ส่วนแบ่ง 6.9 %
แยกประเภทรถยนต์นั่ง ลดลงเยอะ 12.5 % ขายกันได้แค่ 12,714 คัน เพราะมีพวกรถประเภทอื่น มาแย่งส่วนแบ่งตลาดไป รวม 2 เดือนก็ยังลดเยอะ 14.6 % ขาย 24,335 คัน
แชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขายมากกว่าเพื่อน 6,044 คัน เพิ่มขึ้น 2.5 % ส่วนแบ่งเกือบครึ่ง 47.5 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 3,856 คัน ลดลง 37.5 % ส่วนแบ่ง 30.3 % ที่สาม นิสสัน ขายไม่ถึงพัน 804 คัน เพิ่ม 6.6 % ส่วนแบ่ง 6.3 % ที่สี่ มิตซูบิชิ เพิ่มเพราะปีก่อนขายน้อย 454 คัน เพิ่ม 9.7 % ส่วนแบ่ง 3.6 % และที่ห้า มาซดา ขาย 449 คัน เพิ่มเยอะมาก 731.5 % ส่วนแบ่ง 3.5 %
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม โพร์เช ขาย 5 คัน และ แจกวาร์ ขาย 3 คัน
ประเภทรถกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ 2 เดือนขายได้ 55,271 คัน เพิ่ม 14.6 % แต่เฉพาะเดือนนี้ ลดลง 3 % ขายได้ 24,839 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงได้แก่ อีซูซุ 10,222 คัน ลด 1.7 % ส่วนแบ่ง 41.2 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 6,126 คัน ลดลง 24.6 % ส่วนแบ่ง 24.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,641 คัน เพิ่ม 8.8 % ส่วนแบ่ง 10.6 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 2,249 คัน ลดลง 5.7 % แต่ส่วนแบ่ง 9.1 % และที่ห้า น้องใหม่ เชฟโรเลต์ ขาย 1,414 คัน ส่วนแบ่ง 5.7 %
ประเภทรถเพื่อการพาณิชย์ เพิ่ม 1.3 % ขาย 2,537 คัน สองเดือนเพิ่ม 9.1 % ขาย 4,745 คัน มีแชมพ์ อีซูซุ ขาย 832 คัน เพิ่ม 9.9 % ส่วนแบ่ง 32.8 % ที่สอง ฮีโน ขาย 648 คัน ลดลง 6.1 % ส่วนแบ่ง 25.5 % และที่สาม โตโยตา ขาย 292 คัน ลด 41.6 % ส่วนแบ่ง 11.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม เพิ่มถึง 95.6 % ขาย 2,776 คัน ซึ่งเป็นผลจากกระแสความแรงของ ฟอร์ทูเนอร์ โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขาย 2,238 คัน เพิ่มขึ้นถึง 828.6 % ส่วนแบ่ง 80.6 % ที่สอง ฟอร์ด ขาย 220 คัน ลด 51 % ส่วนแบ่ง 7.9 % และที่สาม ฮอนดา ขาย 134 คัน ลดมากถึง 64.6 %
รถอเนกประสงค์ หรือแวน ขายลดลง 35.8 % ได้แค่ 1,564 คัน คนขายมากที่สุด โตโยตา ขาย 1,090 คัน แต่ก็ยังขายได้ลดลง 48 % ส่วนแบ่งเกินครึ่ง 69.7 %
นั่นคือความเป็นไปในเดือนกุมภาพันธ์ ที่สภาวะหลากหลายยังปั่นป่วน ทั้งเรื่องสามจังหวัด พิษคลื่นยักษ์ ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล การเมืองยังไม่นิ่ง ปั่นป่วนไปหมด แต่ในแง่การตลาดก็ถือเพียงว่า เป็นช่วงผันผวนเพียงเดือนเดียวเท่านั้น คาดหมายกันว่าเดือนมีนาคมคงจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้
แหม ยังไงก็ต้องเชื่อมือคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก่อนนะครับ
จะติเรือทั้งโกลนได้อย่างไร ขอแสดงสีมือสักตั้งเถอะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8043